เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าคนทุกคนย่อมจะมีบัตรอะไรที่สามารถบ่งบอกว่ามีชีวิตเป็นตัวเป็นตนที่เกิดมาบนโลกใบนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ มิฉะนั้นจะทราบได้อย่างไรว่า ไฝเป็นไฝ (ใครเป็นใคร) ยกตัวอย่างเช่น นายดำที่เรารู้จักกันแต่ในนาม หากแต่ว่าชื่ออันแท้จริงของนายดำอาจจะชื่อ นายเอกบุรุษ ที่ระบุในบัตรประชาชนก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นเอกสารสำคัญ ๆ ที่สามารถแสดงให้เห็นว่าเราเป็นเรา หรือเราเป็นใครกันก็สำคัญมากในการติดต่อกับหน่วยราชการต่าง ๆ
แน่นอนว่าในเมืองไทย บัตรที่จะต้องพกติดตัวตลอดเวลา คือบัตรประจำตัวประชาชน สำหรับผู้ที่มีอายุเกิน 15 ปี เป็นต้นไป ในกระเป๋าสตางค์ที่แสนจะแบนและมีรูปแฟนที่ยังไม่ทิ้ง หนึ่งในนั้นก็จะต้องมีบัตรประจำตัวประชาชนเป็นอย่างแน่แท้ นอกซะจากจะมีเจตนาแอบแฝงในการโกงอายุ บางคนเด็กเกินอยากจะเข้าไปเที่ยวผับ ก็ตีมึนทำหน้าแก่เข้าไปเที่ยวโดยอาศัยบัตรคนอื่นซะงั้นอันนี้มีตัวอย่างค่อนข้างเยอะ หรือบางคนหน้าละอ่อนแต่อายุเลยป้ายไปค่อนข้างเยอะ ถ้าจะหลอกชาวบ้าน ต้องเก็บทุกบัตรที่มีวันเดือนปีเกิดให้เรียบร้อย จากนั้นก็โม้ได้เลยว่าอายุเท่าไร ยี่สิบต้น ๆ เมื่อสิบปีที่แล้วก็ว่ากันไป แล้วแต่เทคนิคในการแอ๊บแบ๊วของแต่ละบุคคลห้ามลอกเลียนแบบ
แต่ในกรณีแรกห้ามทำตามเพราะผิดเต็มประตู เนื่องจากสิ่งที่ระบุในบัตรประชาชนนั้นประกอบไปด้วยรูปที่ถ่ายด้านหน้า ห้ามยิ้ม ห้ามใส่หมวกอำพราง ห้ามใส่แว่นตา ห้ามนู่น นี่ นั้น มากมายให้ไปหาอ่านได้ ก่อนถ่ายรูป และรูปที่จะไปปรากฏบนบัตรก็จะเป็นรูปที่ชวนสยดสยอง เนื่องจากตากล้องที่ไม่รู้ว่าโกรธกันมาแต่ชาติไหน อยู่ ๆ คิดจะกดก็กดชัตเตอร์เลย ไม่เคยปรึกษากันก่อนเลย ว่าหันซ้ายนิด คอเอียงไปหน่อย ยิ่งถ้าโกรธกันมาก่อน แฟลชนี่ไม่ได้ช่วยเลย หน้าเงี๊ยะดำยังกับขวานฟ้าหน้าดำ
ยิ่งสมัยก่อนเทคโนโลยี กล้องดิจิตอลรึ อย่าไปหวัง ถ่ายปุ๊บ เห็นปั๊บ หรือ photoshop ก็ยังไม่มา ตรงนู่นมืด ต้องนี้ดำ หน้าไม่เด้ง แม่ก็แก้ได้หม้ดไม่เชื่อลองไปค้นบัตรอันเก่าที่เคยถ่ายประชาชนครั้งแรก มีความรู้สึกตื่นเต้นมั่กมาก แต่จำไม่ค่อยได้เพราะทำมานานมากแล้วเช่นกัน และบัตรที่ใช้ในปัจจุบันนี้เป็นบัตรที่เท่าไหร่ ไม่ได้จำ ขี้เกียจนั่งนับนิ้วมือ นิ้วเท้าของตัวเองไม่พอต้องยืมคนข้าง ๆ มานับถึงจะครบอายุ ฮั่นแน่ อย่าเดาไปเลยว่าอายุเท่าไหร่ เอาเป็นว่าไปดูซิว่าในบัตรนั้นมีอะไรที่บรรจุลงในบัตรขนาดเล็กนี้อีก ที่อยู่ก็เป็นอีกส่วนสำคัญเผื่อใครไปทำความผิดมาที่ไหนมา ที่อยู่ที่แจ้งไว้อาจตามตัวได้ง่ายยิ่งขึ้น แต่ถ้าเปลี่ยนที่อยู่บ่อยก็อาจจะหาไม่เจอ หรือมองอีกแง่หนึ่งเป็นคนที่มีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่งนั่นเอง
จะว่าไปความสะดวกสบายในการถ่ายบัตรประชาชนในปัจจุบันนั้นแสนง่ายดาย ไปติดต่อที่สำนักงานเทศบาลของตนเองตามทะเบียนบ้าน ถ่ายปุ๊บ ได้ปั๊บ ถ่ายไม่สวยแจ้งหาย ถ่ายใหม่ บัตรแข็งพร้อมซิมเสร็จสรรพ์เพียงแค่นี้คุณก็ได้หลักฐานชัดเจนว่าตัวฉันเอง ไม่ใช่ตัวปลอม ต่างจากสมัยก่อนลิบลับกว่าจะได้รอกันเป็นเดือน อย่างว่าเวลาเปลี่ยน คนก็เปลี่ยน เทคโนโลยีก็เปลี่ยน แต่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นอันนี้ต้องขอบคุณทุก ๆ ฝ่าย
กว่าจะเข้าเรื่องได้ก็เกริ่นไปซะเยอะ เพราะนอกเหนือจากบัตรประชาชนแล้ว บัตรที่ใช้ได้ทดแทนก็จะมีใบขับขี่ บัตรข้าราชการ บัตรนักเรียน – นักศึกษา เกือบทุกบัตรจะมีรายละเอียดครบถ้วนตามที่บัตรประชาชนพึงจะมี ยกเว้นบัตรส่วนลดต่าง ๆ ไม่สามารถใช้ได้ทุกกรณีนอกจากห้างร้านที่ร่วมโปรโมชั่น
#news#
และอีกหนึ่งอย่างที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง มากถึงมากที่สุด สำหรับผู้ที่พำนักอยู่ต่างแดนเช่น เรา ๆ ท่าน ๆ ที่เดินป้วนเปี้ยนอยู่ย่านไทยทาวน์ ที่หนีมาจากเมืองไทยมาตกระกำลำบากกันที่นี่ ซิดนีย์ หรือดินแดนต่าง ๆ ทั่วโลก ทุกคนล้วนมีสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า PASSPORT เรียกว่าไม่มีพาสปอร์ต ไม่มีคุณก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นลูกเล็กเด็กแดง จะเพิ่งคลอดออกมา หรือจะอายุครบร้อยอีกสองวัน ทุกคนต้องมี passport แน่นอน ฟันธง เพราะอะไรนะหรือ เพราะว่า Immigration หรือหน่วยงานตรวจสอบคนเข้าเมืองนั้นจะต้องตรวจว่าแต่ละท่านที่ย่างกรายเข้าประเทศเป็นใคร มาจากไหนมีประวัติอาชญากรหรือไม่ ยิ่ง passport รุ่นใหม่มีแถบแม่เหล็กที่บรรจุอะไรต่อมิอะไรก็ไม่รู้มากมาย แค่รูดปื้ดก็รู้เลยว่าทำอะไรมาบ้าง อะไรมันจะไฮเทคขนาดนั้นครับพี่น้อง
ที่บอกว่าสำคัญเป็นอย่างยิ่ง อยากจะบอกตามนั้นจริง ๆ เพราะว่าเจอมากับตัวเองล้วน ๆ ประสบการณ์ตรง เมื่อปลายปีที่แล้ว ได้มีโอกาสไป Holiday ที่เมืองไทย นาน ๆ ทีหลายปีถึงจะกลับเมืองไทยหนนึง ขาไปไร้อุปสรรคสิ้นดี เริ่มจากตั๋วเครื่องบินราคาถูกแสนถูกของสายการบิน Emirates ช่วงโปรโมชั่นที่เค้าว่ากันว่า ราคาแค่ 700 กว่าแลกกับการเดินทาง 21 วัน เคาะแล้ว สุดคุ้ม แลกกับแม่ที่ไม่ได้เจอหลายปี ประกอบกับ pocket money ที่ยังพอมีติดกระเป๋าบ้าง เหลือพอเที่ยวบ้าง กับการเดินทางเพียง 9 ชั่วโมงก็ถึงแผ่นดินเกิดที่ห่างหายไปนาน กับสายการบินแขกที่ไม่มีกลิ่นตุ ตุ ให้กวนใจเหมือนเสียงที่ร่ำลือมา แต่อาหารการกินอาจจะไม่ถึงคนรสนิยมค่อนข้างดีอย่างเรา เพราะว่าเรื่องกินเนี่ยค่อนข้างเรื่องมากระดับเทพ ลืมบอกเอเจ้นท์ขายตั๋วว่าไม่กินเนื้อ ในเมนูมีมาเพียบไม่มีทางเลือกอื่นด้วย แต่พนักงานบอกว่ามี lamb เอากะเค้าสิ ไม่กินเนื้อแต่จะให้กิน lamb รู้ว่าเนื้อคนละอย่าง แต่มันไม่ใช่ เอาเป็นว่าขอเป็น seafood ละกันไม่มีก็ขอแค่ ขนมปังน้ำผลไม้พอ จบ คิดซะว่าตั๋วถูก ท่องให้ขึ้นใจ
step แรกสบาย สบาย เมื่อย่างกรายเข้าไปใช้สนามบินสุวรรณภูมิครั้งแรกในชีวิต โอ้แม่เจ้า ช่างตกตะลึงสถาปัตยกรรมอันล้ำเลิศตระการตา ไม่น่าเชื่อว่าเงินภาษีประชาชนตาแดง ๆ เงินพ่อแม่พี่น้องของเราที่ถูกรวบรวมกันมากว่าสองแสนล้านบาท ย้ำสองแสนล้านบาท ไม่รู้ว่าจะต้องตายแล้วเกิดใหม่กี่รอบถึงจะมีเงินจำนวนมหาศาลขนาดนี้ในการทำมาหากินอย่างสุจริต หาเช้ากินค่ำของพรุ่งนี้ แต่อย่างว่าเมื่อมันเสร็จก็ต้องใช้ให้คุ้มหน่อย คนต่างจังหวัดอย่างเราจะไปหาที่ซุกหัวนอนในตัวเมืองหลวงอย่างกรุงเทพย่อมไม่มี จึงติดต่อน้องรักให้มารับพร้อมไปนอนบ้านน้องประหยัดค่าโรงแรมไปอีกโข แต่ที่ไม่ประหยัดคือค่า TAXI นั่นเอง เพราะว่าสุวรรณภูมิ – รังสิต กับดอนเมือง – รังสิต ช่างต่างกันลิบลับ แค่มิเตอร์ที่ขึ้นมาพันกว่าบาทก็เล่นเอาค่าเงินที่ขณะนั้น 20 บาท/AUD เทียบกับปัจจุบันคิดแล้วแค้น ปาไป 26 บาทแล้วเจ้าค่า ขาดดุลเหนื่อยเปล่า แต่ใครมันจะไปรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าหละ จริงปล่ะ แค่เซ็งเล็กน้อย หลังจากเหยียบแผ่นดินแม่เรียบร้อยแล้ว แต่ลืมกราบงาม ๆ หลาย ๆ ที เพราะต้องรีบ check out กลัวเอากระเป๋าออกไม่ทันเพราะระยะทางร่วมหลายกิโลเมตรกว่าจะถึงทางออก ทั้งยังรอลุ้นว่าสายพานขนกระเป๋าจะขาดหรือไม่ ทั้งไอ้ carry ขึ้นเครื่องกว่าสิบห้ากิโลของฝากทั้งนั้น เสื้อผ้ามีแค่ 3 ชุด ขอบอกว่าหนักอิบหาย
ใช่แต่ว่าจะมาเที่ยวอย่างเดียวนะ เพราะมีกิจธุระที่ต้องมาสะสางมากมายเช่นกันตั้งแต่ ตามล่าหาใบเกิด ที่เสด็จแม่ทำหายตอนย้ายวัง ไม่เคยคิดจะใช้จนตอนนี้ต้องทำใหม่ย้อนอดีตกันไปอีกว่าเกิดที่ไหน ยังไง โชคยังดีที่แม่ยังจำได้ ไหนจะไปสอบภาษาที่ไม่ใช่ภาษาแม่อีก ที่สำคัญไปเที่ยวกันดีกว่า ช่วงนี้เค้าบอก "เที่ยวไทยครึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคัก" ช่วยกันหน่อยใครมีเงินถุง เงินถังเยอะหน่อยก็ไปช่วยเศรษฐกิจไทยให้ดีขึ้น การเมืองก็จะได้ไม่มีปัญหา ตั๋วเครื่องบินก็ถูกการบินไทยก็เจ็ดร้อยกว่า เที่ยวภูเก็ตต่อเพิ่มอีกนิดหน่อย น่าไปจริง ๆ ติดอยู่นิดหน่อยคุณเพื่อนและคุณญาติเพิ่งมาเยี่ยมเลยขอเก็บตังค์อีกนิดหน่อยค่อยว่ากันใหม่
ย้อนกลับไปเรื่องเที่ยวดีกว่า เพราะเกิดมาชีพจรลงเท้า ใครชวนไปไหน ไปหมด ถ้าไม่อยากให้ไปถึงไม่ต้องมาชวน น้อยมากที่จะปฎิเสธว่าไม่ไป หรือชวนไปคนละคน คนละที่ อันนี้เลือกซักอัน หรือกรณีเบี้ยน้อยหอยน้อย ไปเบียดเบียนชาวบ้านก็ไม่เอา ในกรณีฟรี วิ่งด่วน ทำตัวว่างในบัดดล ที่พักฟรีมีชัยไปกว่าครึ่ง อีกหลายเหตุผลที่จะทำให้จัดกระเป๋าเดินทางพร้อมออกลุยตลอดเวลา ถ้ารับจ้างแบกเป้ เรย์ แมคโดนัลด์ เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก ก็ขอรับข้าน้อยไว้เป็นศิษย์ด้วยคนเถิด และในทริปนี้เช่นเดียวกัน ที่พักฟรีครับพี่น้อง บังเอิญญาติคุณน้องที่ไปพักพิงด้วยมีบ้านหลังละ 10 ล้านที่เกาะพะงัน วิญญาณไข่ย้อย ที่อกหัก รักคุด หนีดากานดาไปรักษาแผลใจโดยพยาบาลนุ้ยเข้าสิง เข้าทางเลยทีเดียว ที่พักฟรีอันดับแรก และเหตุผลเดียวที่เราจะต้องไปกันแล้ว หลังจากเกือบสิบปีก่อนมาเที่ยว Full Moon Party ก็ยังจำได้ ประทับใจไม่รู้ลืม ทริปนี้ก็เช่นเดียวกัน เพียงแค่นั่งรถทัวร์จากสายใต้ใหม่ ที่ขอบอกว่า Hi-so โก้หรูมั่ก มาก หลังจากที่เคยใช้สายใต้เก่าให้ลืมไปได้เลย หมอชิตที่ว่าแน่ก็ให้ลืมไปเลย ความใหญ่ สะอาดมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน จะหาอะไรกินก็มีให้เลือกเพียบ เรียกได้ว่าถ้าเพื่อนมาช้าไปสองชั่วโมงก็ไม่โกรธถ้าไม่ตกรถ เพราะมีอะไรให้ทำเยอะแยะเต็มไปหมด เมื่อไปถึงท่าเรือ เพื่อนดาราร่วมทริปเดียวกัน ประหนึ่งว่ามาด้วยกัน คุณนานา และคุณเวย์พร้อมทีมไปถ่ายทำรายการทีวีซักอย่าง ก็ถือว่าสนุกไปอีกแบบ จะทุกข์ก็ตรงที่ไปถึงฝนตกเทลงมาห่าใหญ่ ไปโกรธใครมาก็ไม่รู้ หาคนมารับแทบไม่เจอ โชคดีที่พอไปถึงบ้านก็กระโดดลงสระว่ายน้ำเลย ไม่ได้เล่นน้ำทะเลไม่เป็นไร ค่อยว่ากันวันใหม่ สายหน่อยขับแมงกะไซด์ ไปสำรวจรอบเกาะดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง แอบไปดูโลเกชั่นถ่ายหนัง บ้านไข่ย้อย และหาดที่พระเอกวาดรูปให้นางเอก ที่สำคัญได้ไปพักบ้านเดียวกับตัวประกอบฝรั่งที่ไปนั่งเป็นแบบในหนังด้วย สุดปลี้ม แฟนพันธุ์แท้หนังค่าย GTH อย่างเราดีใจสุด ๆ เที่ยวจนเพลิน แวะหาดนู่นไปหาดนี่ แต่ถนนหนทางในเกาะพะงันใช่ว่าจะราบเรียบเสมอกัน ทางลาดชัน ไอ้รถที่เราขับก็สมรรถภาพดีเยี่ยม 1 คนขับ 2 คนผลัก ดันกันไป ผลัดกันจนหมดวัน ถึงแม้ว่าช่วงที่เราไปนั้นจะไม่ใช่ Full Moon Party แต่ก็มีทั้ง Half Moon Party และ Black Moon Party เรียกได้ว่าจะจัดแทบทุกวัน ไม่ให้ชายหาดได้พักผ่อนกันเลยทีเดียว ใครนะช่างคิดได้ ไม่จัดเป็น ขึ้น 1 ค่ำ ปาร์ตี้ แรม 2 ค่ำปาร์ตี้ เอาให้ฝรั่งอายไปเลยว่าพี่ไทยเค้ารักสนุกขนาดไหน
แต่สนุกได้ไม่นาน เช้าตรู่วันถัดไป โทรศัพท์ของคุณน้องถูกปลุกตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่ แจ้งข่าวร้าย ว่าสมบัติที่เราเก็บไว้ในบ้านพักในหมู่บ้านสองร้อยปี ย่านรังสิตโดนขโมยขึ้นบ้าน ทั้งที่มีคนอยู่ในบ้าน ได้อันตรธานหายไป มูลค่าทรัพย์สินที่สูญหายทั้งหมดได้แก่ Laptop มูลค่าพันกว่าเหรียญพร้อมข้อมูลที่มี่ค่าประเมินไม่ได้ น้ำหนักของกระเป๋าเป็นสาเหตุที่ไม่สามารถหิ้วไปเที่ยวในครั้งนี้ได้ แต่ยิ่งไปกว่านั้นในกระเป๋า Oakley ใบนั้น ได้ซ่อนโทรศัพท์มือถือ N95 มูลค่ากว่าพันเหรียญ รุ่นแรกที่วางตลาด ปลดล็อคเรียบร้อย พร้อมรูปภาพและคลิปส่วนตัวมากมาย หากเจอคลิปในอินเตอร์เนตเราก็จะทราบแล้วว่ามือหายไปไหน แต่ขอเอกสารคืนเถอะได้โปรด และเป็นข้อเตือนใจว่าห้ามบันทึกอะไรลงในโทรศัพท์ นอกจากเบอร์โทรศัพท์ ที่สำคัญเจ้า PASSPORT ตัวดีสิ่งที่จะต้องพกติดตัวตลอดเวลา มันดันอยู่ในกระเป๋า Laptop และของฝากที่ชาวบ้านฝากมาคือ PSP เครื่องเล่นเกม นี่ก็สี่ร้อยเหรียญ ที่จำไม่ได้จนเจ้าของมาทวงจึง อ๋อ!!! โจรสอยไปแล้ว ทั้งหมด ทั้งมวลมูลค่าเท่าไหร่ไม่ว่า ไม่สนใจ สิ่งของหายไปยังซื้อใหม่ได้ แต่อีตัว passport ที่จะต้องใช้เดินทางอีกสองวันหลังจากนี้ สิ่งที่จะต้องรีบทำใหม่อย่างเร่งด่วนที่สุด เนื่องจาก 1. ตั๋วเครื่องบินราคาถูกที่ซื้อมาเลื่อนไม่ได้ ถ้าเลื่อนเพิ่มตังค์อีก 24,000 แพงกว่าตอนซื้ออีก กลุ้ม 2.วีซ่า ไฉนเจ้าไยกลุ้ม เนื่องจากเป็น Bridging Visa ที่มีกำหนดตายตัวในการออกนอกประเทศ ซึ่งจะหมดอายุจากตั๋วเครื่องบินแค่ 1 วัน เราจะทำเช่นไรในเหตุการณ์ เช่นนี้
ปลงครับ ต้องปลงเท่านั้นในเมื่ออยู่เกาะก็เที่ยวให้ชุ่มอุรา บนเกาะนอกจากมีทะเลและยังมีน้ำตก ภูเขาจุดชมวิว ต่างๆ ที่ไม่ควรพลาด หาดริ้น สถานที่ที่จัด Full Moon Party จะสวยเป็นพิเศษเพราะไม่มีผู้คนเหมือนตอนที่จัดปาร์ตี้ ทำให้ลืมความทุกข์ ชั่วคราว แต่ขากลับนี่สิที่ต้องเจอภารกิจปังคุงมากมายให้ต้องรีบทำ ตั้งแต่ไปกระทรวงต่างประเทศที่จะต้องไปถ่าย passport ใหม่ซึ่งใช้เวลาถึง 3 วัน ต้องใช้กำลังภายในให้พี่ ๆ ที่เอเจนท์ที่เราใช้บริการอยู่ให้ช่วยลดทอนเวลาเหลือแค่วันเดียว ด้วยอิทธิฤทธิ์ก็สามารถรับได้ในวันถัดไป แต่ว่ายังไม่จบเพราะตั๋วเครื่องบินมันดันมาหมดก่อนวันได้ passport นี่สิ โอ๊ยจะบ้าตาย เอาเป็นว่าทิ้งตั๋วใบเดิม หาหนทางกลับออสเตรเลียด้วยวิธีไหนถึงจะถูกสุด ประหยัดสุด เช็คตั๋วทั่วไทย ตั๋วราคาถูกดันไม่มีอีก และไม่รู้ว่า flight ที่จะต้องเดินทางวันนี้ วันที่ passport เล่มใหม่ อยู่ในมือ ก็ได้ตั๋วสายการบิน Singapore Airline เที่ยวเดียวในราคา 22,500 บาท ในราคาที่มีเงินอยู่ในธนาคารเป๊ะ ช่างเหมาะสมลงตัวอะไรเช่นนี้ พอมีเหลือค่า Taxi ไปสุวรรณภูมิ และจาก Kingsford Smith airport กลับไปบ้าน เหลือก็แค่ศูนย์ ไม่ติดลบเป็นใช้ได้
ยัง ยังไม่จบแค่นี้ มันไม่ง่ายอย่างที่คิด คิดหรือว่าคุณจะออกจากประเทศไทยได้ง่าย ๆ ฝันไปเหอะ อุตส่าห์ล่วงหน้ามาเช็คอินก่อนเวลากว่า 3 ชั่วโมง แต่ไม่ใช่ว่าคุณจะได้ตั๋วเลย เนื่องจากข้อมูลในหมายเลข passport อันเดิม กับอันใหม่ไม่ตรงกัน ทางสายการบินไม่สามารถออกตั๋วระบุที่นั่งให้ได้ คุยกับเจ้าหน้าที่ ตัวเล็ก ตัวใหญ่ หรือต่อสายตรงถึงเจ้าของสายการบินไม่มีใครช่วยได้เลย ต่อสายข้ามประเทศมาหาพี่เอเจนท์อีกแล้วพี่ก็ช่วยสุดกำลัง เติมเงินแล้ว เติมเงินอีก จนเครดิตหมด โทรหาระดับบิ๊ก ๆ ที่คิดว่าจะช่วยได้ งัดเอกสารจากในอีเมล์ มาโชว์ก็แล้ว อ้างเหตุผลยกแม่น้ำแยงซีเกียง แม่น้ำที่ยาวที่สุดในโลกมาบอกก็แล้ว ป้าก็บอกว่าไม่ได้ นั่งงอนสงบสติอารมณ์อยู่พักใหญ่พร้อมกลับย้ายตูดมาที่หน้า และเหวี่ยงไปสุดแรกเกิด ในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็กระดิกให้เข้าไปเช็คอินเนื่องจากว่าเหตุผลอันใดไม่ทราบ ไม่ได้ถาม โธ่ ถ้าไม่ได้กลับวันนั้นนะ มีหวังต้องเฝ้าอยู่ประเทศไทยไม่ต้องมาแล้วหละออสเตรเลีย ใจหายใจคว่ำ ลุ้นระทึกกันอีกรอบ โชคดีที่มีอีเมล์เก็บทุกอย่างเอามาอ้างเป็นหลักฐานได้ ไม่งั้นไม่รอด เพราะ passport ไม่มี stamp visa จากออสเตรเลียเลย เพราะเล่มใหม่กิ๊ก ได้ปุ๊บก็ตรงดิ่งถึงสนามบินเลย เจ้าหน้าที่สิงคโปร์แอร์ไลน์ก็ไล่ให้ไป stamp อยู่นั่นแหละแล้วสนามบินกับสถานทูตก็อยู่ใกล้กันมาก ไปถึงก็ปิดกันหมดแล้ว เงินซื้อตั๋วใหม่ก็ไม่มี ทุลักทุเลสิ้นดี เห็นแล้วสมเพชตัวเอง ใครอยู่บริเวณนั้นคงเห็นไอ้ผอมดำ หน้าตูด อยู่ก็ไม่ต้องแปลกใจเพราะมันมีที่มาที่ไป ใครจะไปรู้เพราะไม่ได้เล่าให้ฟัง
ตอนจบไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะว่าสายการบินสิงค์โปร์ไม่ได้บินตรงถึงซิดนีย์เลย จะต้องไปแวะพักที่สิงค์โปร์ก่อน สนามบินที่สวยงามที่สุดแห่งนึงเมื่อเทียบกับหลาย ๆ ที่ แต่ไม่ใช่ประเด็น ก็เพราะไม่ใช่เที่ยวบินตรงนี่แหละเค้าต้องมาตรวจเอกสารต่าง ๆ อีกรอบ งานเข้าอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตั๋วเครื่องบินที่พิมพ์ชื่อผิดไปนิดหน่อย โชคดีที่ไม่ทันสังเกต แต่เจ้า passport ตัวใหม่ดันไม่มีวีซ่าอีก ต้องงัดเอกสารที่ปริ้นท์จากเมล์มาโชว์อีกที จึงรอดพ้นมาถึงดินแดนจิงโจ้ แบบใจหายใจคว่ำ ต้องขอขอบคุณ Gmail ที่ช่วยเก็บเอกสารสำคัญต่าง ๆ ไว้ให้และสามารถเรียกมาใช้งานได้ตลอดเวลา และขอขอบคุณทาง immigration ที่มีการทำงานอย่างมืออาชีพในการติดต่อและส่งข้อมูลให้ทาง Email เพราะถ้าไม่มีข้อมูลดังกล่าวไอ้จ่อยของเราจะไปตกระลำบากที่ไหนต่อก็ไม่ทราบได้ จึงอยากให้ทุกคนทราบไว้เป็นบทเรียน ราคาแสนแพงกับ passport ใหม่ ก็แค่สิว ๆ ไม่กี่พันเหรียญเอง (ฮือ ฮือ เสียงร้องไห้ตอนน้ำตาเช็ดหัวเข่าอยู่) จึงอยากเตือนให้ทุกคนเป็นอุทาหรณ์ ให้รักษาเอกสารสำคัญไว้ให้ดีที่สุด ถึงแม้ว่าจะเก็บของไว้ในบ้านที่คิดว่าปลอดภัยที่สุด ถึงแม้จะมีคนอยู่ก็ไม่สามารถช่วยได้ แต่ถ้าเกิดเหตุทำ passport สูญหายก็ยังสามารถไปติดต่อได้ที่ สถานกงสุลไทย ณ นครซิดนีย์
131 Macquarie Street, Level 8, Sydney 2000
Tel: (02) 9241 2542 and (02) 9241 2543, or Fax: (02) 9247 8312,
E-mail: thaisydney@thaiconsulatesydney.org or enquiry@thaiconsulatesydney.org
Business hours: Monday-Friday
Visa Section: 9.30 am-12.30 pm. (lodging application only)
2.00 pm-3.00 pm. (collecting visa only)
Minimum visa processing time (2 working days)
Thai Passport Section: 9.30 am-12.30 pm., 2.00 pm-3.45 pm.
ปล. อย่าลืมเตรียมตังค์เผื่อไว้เป็นค่าธรรมเนียมในการทำ PASSPORT ใหม่ด้วยครับใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ก็จะได้เล่มใหม่แล้ว และขอเตือนสำหรับผู้ที่มี passport ใกล้หมดอายุไม่เกินหกเดือน ให้รีบทำเล่มใหม่เพื่อจะได้สะดวกในการเดินทางครั้งต่อไป และขอให้ทุกคนโชคดีในการเดินทางและเที่ยวให้สนุกนะครับ