สวัสดีค่ะ คุณผู้อ่านทุกท่าน ใกล้เทศกาลอีสเตอร์แล้ว คุณผู้อ่านหลายๆท่านอาจวางแผนหยุดยาวเพื่อไปเที่ยวกับครอบครัวหรือเพื่อนๆ ในขณะที่หลายๆคนอาจจะถือโอกาสนี้ทำงานเก็บเงินเพราะว่าผู้ประกอบการบางรายที่ยังคงเปิดทำการในช่วงวันหยุดอาจให้ค่าแรงเยอะกว่าวันธรรมดาวันอื่นๆ เพื่อนร่วมงานของดิฉันบางคนวางแผนหยุดยาวสองอาทิตย์ตั้งแต่วันจันทร์หน้ากันเลยล่ะค่ะ
สำหรับผู้ที่วางแผนจะไปฉลองหรือเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆก็ขอให้ฉลองกันอย่างมีสติและระมัดระวังกันด้วยนะคะ เนื่องจากสถิติการเกิดอุบัติเหตุไม่ว่าจะเป็นประเทศใดๆก็ตามจะพุ่งขึ้นสูงมากเมื่อมีเทศกาลสำคัญๆไม่ว่าจะเป็นการดื่มสุรามากเกินไปจนทำให้ขาดสติหรือความคึกคะนองกันอย่างเกินขอบเขตก็ตามค่ะ
คอลัมน์เปิดหูเปิดตาในฉบับนี้จะขอกล่าวถึง สิทธิในการทำงานของคนพิการ การเลือกปฏิบัติต่อผู้พิการที่สามารถปฏิบัติภาระกิจในตำแหน่งหน้านั้นๆได้สมบูรณ์ถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายตาม พระราชบัญญัติป้องกันการเลือกปฏิบัติต่อผู้พิการ (The Disability Discrimination Act) โดยพระราชบัญญัตินี้มีใจความว่านายจ้างจะต้องให้โอกาสในการทำงานแก่ทุกคนเท่าเทียมกันตราบใดที่ผู้พิการมีความสามารถในการทำงานในบรรลุล่วงไปได้เท่ากับผู้ที่ไม่พิการค่ะ คือผู้ที่มีความพิการจะต้องมีความสามารถในการทำงานให้ผ่านความต้องการหรือข้อกำหนดทางด้านคุณภาพของงาน (inherent requirement) นั่นคือ:
บทความคอลัมน์ในฉบับที่แล้วเราเขียนชื่นชมรัฐบาลของประเทศออสเตรเลียว่าเป็นประเทศที่ให้การสนับสนุนผู้ที่กำลังประสบปัญหา,ด้อยโอกาสดั่งเช่น ผู้หญิงซึ่งโดนแฟนทำร้าย ในฉบับนี้เราจะขอชื่นชนรัฐบาลของเขาในอีกแง่มุมหนึ่งนั่นก็คือการให้ความช่วยเหลือผู้ที่มีภาวะพิการเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นระบบการศึกษา สาธารณูปโภค หรือแม้แต่การที่มีกฎหมายออกป้องกันการเลือกปฏิบัติต่อผู้พิการ
ยกตัวอย่างเช่นรถโดยสารประจำทางของประเทศออสเตรเลีย คาดว่าหลายๆคนอาจจะคงเคยเห็นมาบ้างแล้วเวลาที่มีคนนั่งรถเข็นขึ้นรถโดยสารประจำทาง ก็จะมีที่รองค่อยๆยื่นออกมาจากฐานประตูทางเข้าเพื่อให้สามารถใสรถเข็นขึ้นไปบนรถโดยสารประจำทางได้เลย ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับรถโดยสารประจำทางในกรุงเทพมหานครของเราแล้ว อย่าว่าแต่คนพิการเลยค่ะ คนธรรมดายังจะก็แทบจะเอาชีวิตไปเสี่ยงเหลือเกินแล้วเมื่อก้าวขึ้นไปบนรถ
เมื่อไม่นานมานี้ประเทศไทยของเราก็พึ่งจะมีข่าวดีเกี่ยวกับสิทธิของคนพิการเช่นกัน คาดว่าคุณผู้อ่านบางท่านอาจเคยติดตามข่าวมาบ้างสำหรับอาจารย์ คณิตย์ ผามะณี มหาบัณฑิต ผู้พิการทางสายตา คนแรกของ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งก่อนที่เขาจะเรียนปริญญาโทคณะรัฐศาสตร์นั้น เขาเรียนปริญญาตรีที่คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลังจากสำเร็จการศึกษามีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งเพิ่งจะรับอาจารย์คณิตย์เข้าไปสอน ซึ่งอาจารย์ท่านนี้มีความสามารถจริงๆ ซึ่งก่อนที่จะได้รับตำแหน่ง ทางมหาลัยเองตามข่าวกล่าวว่าอาจารย์ท่านนี้ทำคะแนนสอบมาได้เป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งดิฉันเชื่อว่าใครๆที่ได้ดูข่าวนี้ก็ต่างรู้สึกชื่นชมในความสามารถของอาจารย์ และตัวอาจารย์เองก็บอกว่าอาจารย์ใช้วิธีการเข้าเรียนอย่างสม่ำเสมอและศึกษาความรู้ล่วงหน้า เหล่านี้คือเคล็ดลับของการเรียนเก่ของอาจารย์คณิตย์ค่ะ
จริงๆแล้วคอลัมน์เปิดหูเปิดตาเป็นคอลัมน์ที่ให้สาระน่ารู้ว่าสิทธิของพีอาร์และพลเมืองของประเทศนี้เขามีอะไรกันบ้าง เพื่อที่คนที่เป็นพีอาร์หรือพลเมืองอยู่แล้วจะได้รู้สิทธิรู้เสียงของเราและนำไปใช้อย่างเต็มที่และผลพลอยได้ก็คืออาจจะเป็นสื่อข้ามน้ำข้ามทะเลให้รัฐบาลไทยออกกฎหมายคุ้มครองผู้ด้อยโอกาสให้มากกว่าที่เป็นอยู่นี้ เผลอๆน้องๆที่กำลังนั่งอ่านคอลัมน์ของเราอยู่นี่ในอนาคตเมื่อศึกษาเสร็จกลับประเทศไทย ได้เป็นใหญ่เป็นโต อาจมีสิทธิมีเสียงในการออกความเห็นในเรื่องของการออกกฎหมายบ้านเมือง อาจจะนึกถึงบทความของเราแล้วนำความรู้ไปพัฒนาประเทศไทยให้น่าอยู่ขึ้นก็ได้ในอนาคตใครจะไปรู้ จริงไหมคะ
กลับมาเข้าเรื่องกันต่อที่กฎหมายคุ้มครองผู้พิการในประเทศออสเตรเลีย แต่ก่อนอื่นดิฉันอยากจะขออธิบายคำนิยามของคำว่า “พิการ” ตามพระราชบัญญัตินี้ก่อนว่ากฎหมายนี้ครอบคลุมผู้ใดบ้าง สำหรับบุคคลที่มีความพิการนั้นหมายถึง
แหล่งข้อมูล Australian Human Right Commission:
ขอบคุณบทความดี ๆ จาก คุณ By Sally :Minae299@hotmail.com
ที่มา :
ภาพประกอบจาก Internet