แนะนำตัวก่อนแล้วกันนะครับ ก็ชื่อ เบิ้มนะครับ แต่เรียกอยากไปนิดนึงมา ออสเตรเลียแรกๆ โฮมเสตย์ก็ตั้งชื่อให้ว่า Tom แล้วก็กลายเป้นทอม มาจนบัดนี้ครับ ได้อ่านเรื่องราวของหลายๆ คนมามากมาย ก็เลยอยากจะเล่าเรื่องราวชีวิตของผม ให้กับคนอื่นฟังบ้าง อาจจะพอเป็นประโยชน์กับน้องๆ ที่ต้องการทำในสิ่งที่ตนเองหวังไว้ บางคนตัดสินใจมาที่ออสเตรเลียได้มาทำงาน ซึ่งส่วนใหญ่ๆ ก็ไม่ได้ทำในสิ่งที่ตนเองชอบหรือที่ตนเองรัก แต่ก็มีอีกหลายคนที่สามารถ เข้ามายืนอยู่ใจนจุดที่ตนเองหวังไว้ ที่ใกล้ๆ ตัวสุดเลยก็คงจะเป็น น้าตุ๋ย เจ้าของเวปนี้นี่เอง ที่ได้มีร้านอาหารที่มีชื่อเสียง มีลูกค้ามากมาย ถึงน้าตุ๋ยจะไม่รู้จักผมเป็นการส่วนตัว แต่ผมค่อนข้างชื่นชมในความสามารถของ น้าตุ๋ยมาก ถือว่าเป็นผู้หญิงที่เก่งมากๆ อีกหนึ่งคน
จุดเริ่มต้นของผมเริ่มตั้งแต่ ปี 2002-2003 ต้นปีทำงานที่บริษัทหนึ่งที่เมืองไทยในตำแหน่งซอร์ฟแวรต์โปรแกรเมอร์มา 2-3 ปี ได้ยินจากเพื่อนว่าที่ออสเตรเลียวิชาชีพแบบนี้สามารถที่จะยื่นขอ PR ได้ง่ายเลยตัดสินใจที่จะมาเรียนต่อที่ ออสเตรเลียแล้วหาลู่ทางที่จะขอ PR มาถึงลงเรียน Master Computer Science ที่ University of Wollongong ช่วงที่เรียนอยู่ก็เห็นความจริงมากขึ้นว่า นักเรียนหลายๆ คนโดยเฉพาะคนจีนพยายามที่จะเรียน IT สองปี แล้วขอ PR ซึ่งในตอนนั้นยังเป็นเรื่องที่ไม่ยากเท่าวันนี้ แต่โดยส่วนใหญ่หลังจากได้ PR แล้วก็ต้องกลับบ้านไปหรือไม่ก็ทำงานไม่ตรงสายเนื่องจากขาดประสบการณ์
และบริษัทที่ออสเตรเลียส่วนใหญ่ต้องการประสบการณ์ + กับความสามารถที่พอจะสื่อสารได้ ทำให้ต้องกลับประเทศตัวเองไปและทำงานไม่ตรงกับวิชาชีพมากกว่า 90% หลายๆคน ก็พูดกันเยอะ พอเริ่มได้เห็นความจริงในตอนนั้นก็เริ่มใจเสียบ้าง แต่ก็ไม่ละความพยายาม ก็พยายามตั้งใจเรียนจนจบ ปริญญาโท ก็เรียนแค่ 8 วิชา สองเทอมก็จบจำได้ว่า ตอนจะจบแล้วก็คงไม่คิดจะทำเหมือนคนอื่นไม่อยากเรียนต่ออีก 1 ปีเพราะคิดว่าเรียนจบไปแล้วจะเป็นเหมือนคนอื่นหรือเปล่า ไม่อยากเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ วีซ่านักเรียนก็หมดไปเรื่อยๆ
ก็เลยตัดสินใจลองสมัครงานเพราะคิดว่าเราก็พอทำได้เคยมีประสบการณ์ที่เมืองไทยมา ทั้ง วีซ่านักเรียนดู จำได้ว่า 2 อาทิตย์ส่งจดหมายสมัครงานไป 200 กว่าฉบับ แถมบางฉบับเขียนไปแบบขอฝึกงานฟรีไม่เอาเงินเดือน ก็ยังแทบไม่มีตอบกลับมาจนผ่านไปสักพัก บริษัทแห่งหนึงใน Bundaberg เรียกมา ซึ่งอยู่ในชนบทของรัฐ Queensland มีแต่ฟาร์ม ผมก็ยังแปลกใจว่าในชนบทแบบนั้นมีบริษัทเกี่ยวกับ IT ด้วยรึ ซึ่งบริษัทนี้เป็นบริษัทเขียน software ให้ฟาร์ม
ผมตอบรับในทันทีที่เข้าโทรมา หลังจากสอบเสร็จหมด ผมก็ไม่ลังเลเลยไปที่ Bundaberg โดยไม่ได้สนใจการรับปริญญาอะไรไปทำงานที่นั่นในตำแหน่ง Junior Software Programmer (ขนาดทำที่ไทยมาแล้วยังให้เปนจูเนียร์เลย) แล้วพอวีซ่าผมหมด ทางบริษัทเค้าก็สปอนเซอร์ให้ได้ working visa ซึ่งตอนนั้นเป็น subclass 457 แต่เงินเดือนก็ไม่ได้เยอะอย่างที่คิดเพราะเค้าสปอนเซอร์เราเงินก็แทบจะไม่พอ จำได้ว่าแรกๆ ได้เงินประมาณหักทุกอย่างแล้ว เหลือ 200 - 230 เองมั้งครับ
แถมยังต้องเก็บเงินไว้ต่อวีซ่าเองซึ่งแพงมากๆ ค่าบ้านก็แทบหมดแล้ว ค่ากิน ภาษีก็สูง งานก็หนัก แต่ก็อดทนต้องบอกได้คำเดียวว่าอดทนอย่างมาก มีแต่คนรอบข้างพูดว่าให้กลับไทย บางคนก็ดูถูกบอกว่าเงินน้อยกว่า พนักงานคลีนอีก ซึ่งผมก็ไม่สนใจ และคิดว่าตัวผมเองมาถูกทางแล้ว คิดเสมอว่า ประสบการณ์แบบนี้ไม่ได้ทุกคนที่จะหาได้ ผมได้มาอยู่ในมือแล้วผมไม่ทิ้งไปเด็ดขาด พูดตรงๆ ร้องไห้ก็บ่อยบางที ที่โน่นเมืองเงียบมากไม่รู้จักคนไทยเลยซักคน คุยกับใครไม่ได้ แต่มันก็มีข้อดีอยู่คือ อยู่กับคน ออสซี่ตลอดเวลา ภาษาดีขึ้นอย่างมากจนมีเพื่อนสนิทที่สุดใน ออสเป็นคน ออสซี่ไปสองสามคน
หลังจากอดทนผ่านช่วงนั้นมาสักสามสี่ปี เงื่อนไขต่างๆ ก็พอที่จะยื่นขอ PR ได้ หลังจากได้ PR แล้วก็ย้ายมาอยู่ในซิดนีย์ ปัจจุบันทำงานใน บริษัทของออสเตรเลียแห่งหนึ่งในซิดนีย์ ในตำแหน่ง Senior Software Developer ชีวิตเปลี่ยนไปมากๆ กว่าสมัยเริ่มงานแรกๆ สามารถย้อนกลับมาพูดกับคนที่เคยดูถูกผมว่าเงินเดือนต่ำๆ เมือ 4-5 ปีก่อนได้สบายว่าผมตัดสินใจไม่ผิด
มีหลายๆ คนชอบพูดกับผมเสมอ ว่า ผมโชคดีที่ได้งานแบบนี้ ผมก็ย้อนกลับไปหาคนที่ถามเสมอว่า เคยกล้าสมัครงานหรือเปล่า บางคนก็ตอบว่าไม่กล้ากลัวพูดกับฝรั่งไม่ได้บ้าง อะไรบ้าง แค่นั้นก็เป็นการปิดโอกาสตัวเองไปแล้ว เคยรู้หรือเปล่าว่าความโชคดีแลกมาด้วยอะไรบ้าง เคยสร้างสรรค์โอกาสให้ตัวเองหรือเปล่า เคยอดทนหรือเปล่า เคยขยันทำงานมากกว่าคนอื่นหรือเปล่า เคยตั้งใจเพิ่มพูนความรู้ให้ตัวเองเหนือกว่าคนอื่นๆ หรือเปล่า บางคนแค่ส่งจดหมายสมัครงานไป 2-3 ฉบับไม่ได้ก็ท้อแล้ว บางคนได้เงินเดือนต่ำก็ไม่สู้ บางคนคิดว่าตัวเองจบสูงมาเงินเดือนต้องดี ซึ่งความเป็นจริงมันไม่ใช่ ที่นี่ไม่ใช่เมืองไทย สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่มาจากประสบการณ์ที่ผ่านมาของผมเอง
บางทีเราเห็นบางคนประสบความสำเร็จในช่วงข้ามคืน เราก็บอกว่าคนๆ นั้นโชคดีๆ แต่มีกี่คนที่จะรู้ว่า ก่อนหน้านั้นคนๆ นั้นลำบากมา มากขนาดไหน นี่เป็นสิ่งที่อยากบอกกับน้องๆ ที่เป็น PR หรือคิดจะสร้างตัวที่นี่ก็ตามว่า ทุกคนสามารถทำตามความฝันที่ตัวเองชอบได้ทั้งนั้น ร้องไห้ได้ ท้อได้ แต่หยุดตามความฝันไม่ได้ หยุดขยันไม่ได้ หยุดที่จะเดินไม่ได้ พัฒนาความโดดเด่นความสามารถของตัวเองให้มากกว่าทุกคน และสุดท้ายถ้าทำเต็มที่แล้ว ความสำเร็จจะค่อยๆ เข้าใกล้เรามาเรื่อยๆ ซึ่งบางทีอาจจะใช้เวลานานหน่อยก็ตาม
เจอกันทักทายได้นะครับไปกินข้าวที่ร้านชาติไทยบ่อยๆ :) หรือแอด msn คุยกันได้ถ้าต้องการสอบถามเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมหรือหางานครับ ยินดีครับที่
kk_tomas@hotmail.com