'หลิว เหว่ย' นักเปียโนไร้แขน ผู้ชนะเลิศรายการโชว์สุดฮิต China's Got Talent
หนุ่มผู้ไร้แขน ใช้เท้าเล่นเปียโน บรรเลงบทเพลงของนักเปียโนระดับโลก ริชาร์ด เคลเดอร์มอง "Mariage D'amour " บนเวที "China's Got Talent" สร้างความทึ่ง ประทับใจ อัศจรรย์ใจอย่างเหลือล้น แก่ผู้ชมนับแสนทั่วประเทศจีน หลายคนลุกขึ้นยืนปรบมือให้แก่นักเปียโนหนุ่มผู้ไร้แขนด้วยน้ำตาแห่งความตื้นตัน
"หลิว เหว่ย" ชาวปักกิ่ง วัย 23 ปี ผู้สูญเสียแขนทั้งสองข้าง เนื่องจากอุบัติเหตุไฟฟ้าแรงสูงดูดเมื่ออายุ 10 ขวบ จากนั้น เขาก็ต้องหันหลังให้กับสนามฟุตบอล และหันมาฝึกเป็นนักว่ายน้ำ จนวัย 19 ปี ด้วยปัญหาสุขภาพ เขาก็ต้องทิ้งสระว่ายน้ำไปอีก เขาเคยเปิดผับและเลิกกิจการไป จนหันมาฝึกเล่นเปียโนหวังเอาดีบนเส้นทางดนตรี ในที่สุดก็ได้ขึ้นเวทีใหญ่ "China's Got Talent" เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และชื่อเสียงของเขา ก็ขจรขจายไปทั่วแผ่นดินใหญ่ทั่วโลก
กรรมการผู้ตัดสิน กาว เสี่ยวซง ได้ถามถึงแรงผลักดันที่ส่งให้เขามาถึงจุดนี้ หลิว ตอบว่า “ชีวิตผม มีทางเลือกอยู่เพียง 2 ทาง คือ อยู่อย่างหมดอาลัยตายอยากในชีวิตไปจนตาย หรือไม่ก็อยู่อย่างมีคุณค่าและรื่นรมย์ และก็ไม่มีกฎที่ไหน กำหนดว่าการเล่นเปียโน จะต้องเล่นด้วยมือเท่านั้น”
ประโยคนี้ จับใจ จับความรู้สึกของผู้ชมยิ่งนัก
หลิว เหว่ย เชื่อว่า มีเพียงตัวเองเท่านั้น ที่อาจกำหนดและควบคุมชะตาชีวิตตัวเอง
ยักษ์ใหญ่สื่อแห่งกรุงปักกิ่ง “ซินจิงเป้า” ได้สัมภาษณ์ หนุ่มนักเปียโนผู้ไร้แขน หลิว เหว่ย
คุณเข้าร่วมแสดงความสามารถบนเวที China's Got Talent เพื่อที่จะพิสูจน์อะไร?
ผมไม่ได้คิดจะไปพิสูจน์อะไร เพียงรู้สึกว่ามันเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจ และการแสดงความสามารถในรายการนี้ ก็ไม่มีข้อจำกัดใด ๆ ทั้งสิ้น ก็เลยไปลอง ๆ ดู
รายการนี้ มีการเผยแพร่อย่างกว้างขวางมาก ชาวเน็ตจำนวนมากต่างก็ให้กำลังใจคุณ คุณได้เข้าไปดูข้อเขียนของคนเหล่านี้หรือไม่?
ก็ได้เข้าไปดูบ้าง มันเป็นแหล่งรวบรวมความรู้ที่ดี มีความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์มากมาย หากต้องการก้าวหน้า ก็ต้องรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
คุณได้เห็นข้อความทำนองนี้หรือไม่ อย่างเช่น “ความทะเยอทะยานของคนพิการ” คุณรู้สึกอย่างไรกับถ้อยคำเหล่านี้?
แต่ละคนย่อมมีความคิดเห็นแตกต่างกันไป ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องไปย้ำคิดย้ำนึกถึงสิ่งเหล่านี้ ผมอาจไม่ชอบนัก แต่ก็ไม่อาจมองข้ามมันเช่นกัน
ตั้งแต่เข้าร่วมรายการฯ มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์หรือไม่ ถ้ามี คุณทำอย่างไร?
เท่าที่ผมเห็น มีแต่ข้อแนะนำ ไม่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ หลายคนแสดงความหวังว่า ผมจะสามารถฝึกฝน เล่นเพลงที่ยากกว่านี้ หรือถ้าเกิดมีเสียงวิจารณ์ ผมก็รับฟังแน่นอน อย่างเช่นบางคนอาจบอกว่า “ถ้าคุณไม่ทำอย่างนี้อย่างนั้น ก็จะไปไกลกว่านี้” ผมชอบฟังเสียงวิจารณ์ทำนองนี้ เพราะนี่แสดงว่าพวกเขาคิดถึง เป็นห่วงคุณ
คุณเคยเข้าร่วมกิจกรรมประกวดคัดเลือกในเวทีอื่นมาก่อน และเคยประสบสิ่งที่แย่ ๆ หรือไม่?
คนบางกลุ่มมีความคิดแตกต่างไปจากผม และผมก็ไม่อาจเรียกร้องให้พวกเขามีวิธีคิดเหมือนๆ กับผม
ทำไมเลือกเปียโน?
ตอนแรกเพียงรู้สึกสนใจ เล่นเป็นงานอดิเรกเท่านั้น การยึดอาชีพนักดนตรี สิ่งสำคัญอย่างแรกคือจะต้องฝึกความคิดสังสรรค์และทำเพลง สำหรับการเล่นเปียโนเป็นงานอดิเรกที่น่าสนใจ การเล่นเปียโนเป็นงานรอง การสร้างสรรค์เป็นงานหลัก
การเล่นเปียโนด้วยเท้า เรื่องนี้คุณต้องคิดหนักมากไหมก่อนที่จะตัดสินใจ?
สำหรับผมแล้ว ไม่มีอะไรยากซับซ้อน ครูสอนดนตรีของผม เคยบอกผมว่า ถ้าต้องการเดินบนเส้นทางดนตรี ก็ต้องฝึกเล่นเครื่องดนตรีสักอย่างให้ได้ และหากคิดทำงานสร้างสรรค์ คุณก็ต้องเรียนคีย์บอร์ดเครื่องดนตรี ดังนั้น ผมจึงมุ่งมาทางนี้
ตอนนั้น คุณอายุ 19 ปี เคยฝึกเล่นเปียโนมาก่อนหรือไม่?
ไม่เคยเลย
แล้วมีครูคอยแนะนำหรือไม่?
ไม่มี ผมเรียนและฝึกฝนด้วยตัวเอง
การฝึกฝน ต้องใช้เวลานานแค่ไหน ถึงจะเล่นเป็นหรือเล่นได้ดี?
ไม่แน่นอน อยู่ที่จิตใจตัวเอง การเล่นเปียโนขึ้นอยู่กับอารมณ์สูง
ระหว่างที่ฝึกฝน เคยบาดเจ็บหรือประสบความยากลำบาก จนคิดล้มเลิกความตั้งใจหรือไม่?
ผมเรียนเปียโนด้วยตัวเอง ไม่มีใครคอยชี้แนะส่งเสริม ไม่เคยรู้สึกเจ็บปวดทรมานจนทนไม่ได้ ผมรู้สึกเพียงอย่างเดียวว่าเมื่อเริ่มทำอะไรแล้ว ก็จะทำต่อไป
คุณเรียน ฝึกเล่นเปียโน 4 ปี โดยใช้นิ้วเท้าสองข้าง จนสามารถทำได้ถึงระดับนี้ บางคุณบอกว่าเป็นเพราะพรสวรรค์ คุณรู้สึกเช่นนี้ด้วยหรือไม่?
เป็นเพราะความตั้งใจมากกว่า ผมไม่คิดว่าผมมีพรสรรค์เหนือกว่าคนอื่น แต่ผมมีความตั้งใจและทุ่มเทมากกว่าใคร ๆ
แม้มีความตั้งใจและทุ่มเทมากแค่ไหน ก็ยังมีจุดที่ไม่อาจไปถึง อย่างเช่นการแพนนิ้วเท้าเล่นข้ามขั้นบันไดเสียง
คนทั่วไปใช้มือเล่นเปียโน แพนนิ้วมือเล่นได้ครบบันไดเสียง ขั้นคู่แปด (octave) แต่ผมสามารถฝึกแพนนิ้วเท้าได้ถึงแค่ห้าขั้นในบันไดเสียง ดังนั้น จึงมีข้อจำกัดในการเล่นเพลงที่ดังก้องกระหึ่มและสูงมาก ๆ และบทเพลงที่เศร้าอาดูรที่คลุกเคล้าด้วยอารมณ์ฮึมเหิมเร่าร้อนมาก ๆ แต่ผู้ชมบางท่านก็ให้กำลังใจ เชียร์ให้ผมเล่นเพลงที่ยากกว่านี้ ผมก็จะพยายามดู ซึ่งก็อาจทำให้ผมสามารถขยับขึ้นมาเล่นเพลงที่ยากขึ้นมาหน่อย
เกี่ยวกับอุบัติเหตุที่ทำให้สูญเสียแขนทั้งสองข้าง คุณจำอะไรได้บ้าง?
ผมจำรายละเอียดไม่ค่อยได้มากนัก ส่วนใหญ่เป็นคนรอบข้างที่บอกเล่าให้ฟังทีหลังว่า ตอนอายุ 10 ขวบ ขณะที่กำลังเล่นอยู่ ก็ไปโดนไฟฟ้าแรงสูงช็อตเข้า
หลังจากที่สูญเสียแขนไปแล้ว ทำไมถึงได้มาฝึกว่ายน้ำ?
ตอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล แพทย์ที่ดูแลการรักษาให้ผม รู้จักสนิทกับครูฝึกของทีมนักกีฬาว่ายน้ำพิการของกรุงปักกิ่ง แพทย์ผู้นั้นได้โทรไปหาครูฝึกฯ บอกว่า “มีคนไข้ที่นี่หน่วยก้านดี คุณจะลองมาดู ๆ ไหม” เมื่อเขามา ก็ชวนผมไปเรียนฝึกว่ายน้ำ ผมจึงได้เริ่มฝึกฯตั้งแต่ตอนนั้น ซึ่งก่อนเกิดอุบัติเหตุ ผมว่ายน้ำไม่เป็นเลย
และสองปีต่อมา คุณก็ได้แชมป์ในการแข่งขันกีฬาว่ายน้ำระดับชาติของคนพิการ ได้รับเหรียญทองสองเหรียญ และเหรียญเงินหนึ่งเหรียญ นับว่าก้าวหน้ารวดเร็วทีเดียว
ก็พอไหว แต่ตอนฝึกผมต้องใช้ความพยายามมากกว่าคนอื่น ซึ่งสภาพร่างกายของแต่ละคนในทีมฯมีความแตกต่างกันมาก ผมต้องฝึกร่วมกับคนตาบอด คนใบ้หูหนวก พวกเขาฝึกมากเท่าไหร่ ผมก็ต้องฝึกเท่ากับพวกเขา คุณคิดว่ามันเหมือนกันไหม?
และคุณรู้สึกยากลำบาก จนอยากเปลี่ยนไปใช้ชีวิตแบบอื่นหรือไม่?
ลำบากมาก แต่ก็ไม่เคยคิดเปลี่ยนอาชีพ กลับตัดสินใจสู้ต่อไป
แต่ในที่สุด คุณก็เลิกอาชีพว่ายน้ำ เพราะอะไร?
การฝึกว่ายน้ำต้องใช้แรงมาก และเหนื่อยมากเกินไป ตอนผมป่วยด้วยโรคภูมิแพ้ผิวหนัง ต้องหยุดการฝึก
เมื่อเลิกว่ายน้ำแล้ว คุณคิดสอบเข้ามหาวิทยาลัยหรือไม่?
ผมเป็นตัวของตัวเองมาโดยตลอด คิดและตัดสินใจด้วยตัวเอง ซึ่งต่างไปจากคนรุ่นเดียวกัน พวกเขามีชีวิตแบบเดินตามกรอบ ตั้งแต่เรียนชั้นอนุบาล ประถม มัธยม มหาวิทยาลัย สำเร็จการศึกษา ก็ทำงาน
คุณเคยคิดลังเลหรือเปล่า? แล้วความคิดเห็นของครอบครัวล่ะ?
ผมไม่ลังเลเลย ส่วนครอบครัวผมไม่เห็นด้วยเลย พวกเขาอยากให้ผมเรียนหนังสือต่อ ผมคุยเหตุผลกับพวกเขา ผมคิดว่าการแข่งขันในปักกิ่งดุเดือดมาก แม้ผมจบมหาวิทยาลัย ก็ยังหางานทำยาก
ใช้เวลานานไหม ที่จะพูดให้ครอบครัวยอมรับ?
หนึ่งเดือน แต่ก็ไม่ใช่ว่าพูดทุกวัน เมื่อสบโอกาสก็พูด ประสบเรื่องที่เชื่อมโยงกันได้ก็พูดที พวกเราพูดกันเรื่องนี้กันสามหน ในที่สุดพวกเขาก็ยอมรับการตัดสินใจของผม
คุณเคยลองทำอาชีพอื่นๆ มาบ้าง?
เปิดผับ แถว ๆ อู่เต้าโข่ว (ปักกิ่ง) ต่อมาก็ปิดไป เพราะเหนื่อยมาก และก็ป่วยด้วย
หลายคนที่ประสบปัญหาเศรษฐกิจ ก็มักเลิกล้มสิ่งที่ใฝ่ฝันอยากจะทำ ดูเหมือนว่าคุณจะโชคดี ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากมัน?
ตอนเริ่มเรียนเปียโน ครอบครัวผมก็ไปยืมเงินญาติๆและเพื่อนมาซื้อเปียโนให้ผม หลังหนึ่ง 13,000 หยวน บ้านผมเป็นครอบครัวทั่ว ๆ ไป ที่ผมรู้สึกดีมาก
พ่อแม่คาดหวังให้คุณมีอนาคตอย่างไร?
พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าผมจะต้องประสบความสำเร็จมาก แค่เพียงให้สามารถหางานทำ ดูแลตัวเองรอด มีชีวิตอย่างสงบมั่นคง
คุณชอบเตะฟุตบอล เมื่อสูญเสียแขนแล้วก็ต้องทิ้งมันไป ต่อมาก็ว่ายน้ำ ด้วยปัญหาสุขภาพก็ต้องทิ้งมันไปอีก คุณคิดว่าโชคชะตาโหดร้ายกับคุณไหม?
จะคิดมากไปทำไม? วันพรุ่งนี้คุณก็ยังต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป วันๆ เอาแต่จมปลักอยู่แต่ปัญหาที่แก้ไขไม่ได้แล้ว จะเสียเวลาไปทำไม? สู้นอนหลับให้สบายสักตื่นดีกว่า
เมื่อคุณประสบปัญหาแต่ละครั้ง ก็พุ่งไปยังสนามใหม่ คุณคิดว่าสิ่งเหล่านี้ก็คือโอกาสหรือเปล่า?
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นประสบการณ์ใหม่ เมื่อผมได้เรียนรู้และทำสิ่งนั้น ๆ มันก็ให้ความรู้สึกใหม่ ๆ
คุณเป็นคนที่รู้จักใช้โอกาส?
ผมเพียงรู้สึกว่า เป็นสิ่งที่ควรทำ และผมก็มีความเชื่อมั่นในการตัดสินใจของตัวเอง
การประกวดบนเวทีแสดงความสามารถต่าง ๆ เปิดโอกาสให้คุณอย่างมาก คุณใช้โอกาสเหล่านี้อย่างไร? หลายคนรู้สึกทึ่งมาก คุณเป็นคนหวือหวา ประสบความสำเร็จโด่งดังเพียงชั่วแวบเดียวหรือไม่?
แน่นอน มันเป็นโอกาส แต่การคว้าโอกาสเหล่านี้ก็ต้องเป็นทางที่คุณเลือกจะเดินด้วย ผมหวังจะเป็นนักสร้างสรรค์เพลง ทำเพลงที่ดี
คุณเคยวิตกกังวลไหม อย่างเช่นคุณต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากกว่าคนทั่วไป?
ผมไม่ค่อยคิดเรื่องปัญหาความยากลำบาก เมื่อชอบรักที่จะทำแล้ว ก็จะทำต่อไป ยากไม่ยาก เป็นเรื่องที่คนอื่นมอง แต่มันไม่เคยอยู่ในจิตใจผม ใช่ว่าเป็นเรื่องยากแล้วผมจะไม่ทำ คำว่า “ยาก” สำหรับผมแล้ว ไม่ใส่ใจมันนัก
นอกจากเป็นนักดนตรีแล้ว คุณมีความใฝ่ฝันอื่นหรือไม่?
ความใฝฝันของผมก็เป็นเช่นนี้มาตลอด ผมเป็นคนมั่นคง และตัดสินใจ แน่นอนมันต้องผ่านการคิดในหลาย ๆ ด้าน รวมทั้งด้านที่เลวร้ายที่สุด
และคุณนึกถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในการทำเพลงหรือไม่?
การทำเพลง ไม่มีอะไรที่เลวร้าย
ในความเป็นจริง เมื่อคุณเปรียบเทียบกับคนอื่น ๆ อุปสรรคที่คุณจะต้องเจอ มีมากกว่าคนอื่น การเดินไปบนเส้นทางนี้ยากลำบากกว่าคนอื่น
ดูกันที่ผลงานดีกว่า เมื่องานออกมาดี ก็เพียงพอแล้ว.
ทั้งนี้ ในการแสดงความสามารถบนเวทีรายการ China's Got Talent รอบรองสุดท้ายเมื่อวันที่ 12 ก.ย. หลิว เหว่ย ได้รับคะแนนชื่นชมมากที่สุด 58 คะแนน หลังจากบรรเลงเปียโน บทเพลง “ราคาแห่งรัก” 《爱的代价》หลิว เหว่ย จึงได้เป็นหนึ่งในตัวเก็งที่ได้รับคัดเลือกขึ้นเวทีประกวดความสามารถรอบสุดท้าย และในวันที่ 10 ต.ค. ที่ผ่านมานี้ เขาก็ได้เป็นผู้ชนะเลิศของรายการนี้ไปได้ในที่สุด ด้วยการบรรเลงเพลง You're Beautiful ของ James Blunt
ขอบคุณที่มาบทความจาก www.bangpun.org
#news#