ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า บุคคลเพศที่สาม ทั้ง เกย์ ตุ๊ด กะเทย สาวประเภทสอง ทอม ดี้ มีบทบาทในสังคงไทยมาโดยตลอดนับตั้งแต่เด็ก นักเรียน พ่อค้า ราชการ ไล่ไปจนถึงนักการเมืองก็พบบุคคลพวกนี้อยู่มาโดยตลอด …
ความจริงแล้ว หากจะไม่มองในแบบอคติ คนพวกนี้ก็มีจิตใจเหมือนคนทั่วไป ไม่ต่างอะไรจากชายหญิง เพียงแต่เมื่อหากทำผิดขึ้นมาแล้ว ก็ถูกจับตามองเป็นพิเศษ อาทิ เกย์คู่ขาฆ่าหมกศพ ทอมหึงหวงยิงประชดรัก เหล่านี้ล้วนแต่ถูกมองว่าเพศที่สามมีสภาวะจิตใจที่รุนแรง แต่แท้ที่จริง มีได้ทั้งชายและหญิง หากเป็นคนดีในสังคม ก็เชื่อว่าก็คงไม่มีปัญหาอะไร
แต่จู่ๆ กลุ่มเพศที่สาม ที่เรียกตัวเองว่า “ผู้หญิงข้ามเพศ” ก็ออกมาเรียกร้องสิทธิความเป็นผู้หญิง
ทั้งเรื่องคำนำหน้าบัตรประชาชน หรือแม้กระทั่งการแปลงเพศ ที่ต้องการให้มีความเป็นหญิงทุกประการ โดยนก ยลลดา ระบุว่า รับไม่ได้ที่สังคมเรียกพวกเธอว่า “กะเทย” เพราะพวกเธอไม่ใช่ “กะเทย” ที่หมายถึงผู้ชายที่เกิดมามีใจเป็นผู้หญิง เธอจึงบัญญัติคำว่า “ผู้หญิงข้ามเพศ” ขึ้นมา พร้อมกับตั้งกลุ่มผู้หญิงข้ามเพศ และดำรงตำแหน่งเป็นประธานกลุ่ม ผู้หญิงข้ามเพศแห่งประเทศไทย ยืนยันว่าพวกเธอคือ ผู้ที่ป่วยและต้องการการรักษา
และนั่นเองก็เป็นที่มาของโครงการ “แปลงเพศเอื้ออาทร” ให้กับสาวประเภทสองที่มีคุณสมบัติพร้อม ให้กลายเป็นหญิง ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอย่างวงกว้าง จนนายนที ธีระโรจนพงษ์ ประธานกลุ่มเกย์การเมืองแห่งประเทศไทย พร้อมกลุ่มหลากหลายทางเพศก็ออกมาคัดค้าน เพราะรัฐบาลต้องเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดแปลงเพศฟรี หรือโครงการผ่าตัดแปลงเพศเอื้ออาทร อีกทั้งจะกระตุ้นให้เยาวชนเกิดความ คิดอยากแปลงเพศ จนก่อให้เกิดภาวะทางสังคมและปัญหาครอบครัว การโหมประชาสัมพันธ์เรื่องนี้ทำให้รู้สึกว่า ตัวเองต้องแปลงเพศ หรือเกิดภาวะ “กระเทยเทียม”
การต่อสู้ของสาวประเภทสอง หรือผู้หญิงข้ามเพศ ยังคงเต็มไปด้วยอุปสรรค ท่ามกลางข้อกังขาว่า ผู้หญิงข้ามเพศ ต่างอะไรกับสาวประเภทสอง ???? ต่อให้แปลงเพศสวยงามกว่าหญิงทั่วไป แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถมีลูกได้ เพียงเท่านี้หรือที่จะบอกว่า ตนเองคือ “ผู้หญิง”
ความต้องการแบ่งแยกออกมานี้ เป็นเหมือนความเห็นแก่ตัวที่จะแบ่งชนชั้นชัดเจนหรือไม่ว่า ผู้หญิงข้ามเพศมีรูปลักษณ์ที่สวยงามกว่าดูดีกว่า จนได้รับการยอมรับ ทั้งชื่อเรียก และรูปร่างที่สมบูรณ์ ซึ่งกะเทยหัวโปก หน้าตารูปร่างไม่อำนวย ก็ยังคงต้องถูกเรียกว่ากะเทย ทั้งที่ ภายในจิตใจของพวกเขาเหล่านี้ ก็คือ “ชายไม่จริง หญิงไม่แท้” เช่นเดียวกัน
จะถึงอย่างไรก็แล้วแต่ เชื่อว่า ไม่ว่าจะหญิงข้ามเพศ หรือกะเทย ทุกคนมีความสามารถในการผดุงสังคมให้มีความเจริญงอกงาม เพราะหากเป็นคนดีของสังคม ท้ายที่สุด คำนำหน้า ก็ไม่สำคัญ เท่ากับตัวเรา จิตใจของเรา เท่านั้นเอง…
ขอบคุณที่มาบทความจาก news.mthai.com