เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาสภาพอากาศในนครซิดนีย์ไม่ค่อยจะดีนัก มีฝนตกตลอดทั้งวัน อุณหภูมิลดลงจนกลับมาหนาวอีกครั้ง เหมือนเริ่มต้นฤดูหนาวทั้งๆ ที่ตอนนี้ควรจะร้อนขึ้นแล้วก็ตาม เป็นการต้อนรับทีมงานเดี่ยวของพี่โน้สที่จะมาเล่นในวันจันทร์ได้อย่างไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่ แต่ทางทีมงานก็ไม่ย่อท้อ แม้จะมีฝนตกอย่างต่อเนี่อง เมื่อเดินทางมาถึงซิดนีย์แล้ว ก็มุ่งหน้าไปชมสถานที่จัดงาน The State Theatre กันเลย และด้วยเวลาที่มีจำกัด เนื่องจากคุณโน้สเดินสายเล่นเดี่ยว ตั้งแต่ที่เมืองไทยทั้งหมด 24 รอบและบินตรงจากเชียงใหม่มาถึงที่ประเทศออสเตรเลียเลยนั้น ทำให้การเตรียมงานจึงไม่มีอะไรมากนัก อีกทั้งค่าครองชีพของที่ซิดนีย์สูงมากอีกด้วย ของแถมต่่างๆ ที่มีที่ไทยจึงไม่ได้มีการจัดเตรียมมาให้พอกับจำนวนผู้ชม แต่พี่โน้สก็ได้คิดหาวิธีที่จะทำให้คนไทยที่ได้ดูเดี่ยวที่นี่ได้คุ้มค่าเหมือนที่ไทย จึงได้เชิญศิลปินที่น่ารัก และมีความสามารถมาแสดงด้วยกันถึง 2 คน คือ ลุลา เจ้าแม่ Bossanova แห่งประเทศไทย และ สิงโตนำโชค เจ้าพ่ออูคูเลเล่ ซึ่งทั้ง 2 คนนี้ก็ได้เตรียมตัวมาอย่างดี ซ้อมกันอย่างหนักเพื่อให้การแสดงเดี่ยว 9.5 มีสีสัน และสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
เมื่อใกล้ถึงเวลาแสดง อากาศที่ไม่ค่อยเป็นใจเท่าไหร่กลับดีขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ ราวกับว่าฟ้าได้ยิ้มรับการแสดงครั้งนี้อย่างเต็มใจ
ช่วงเวลาห้าโมงเย็นวันจันทร์ ในนครซิดนีย์ เต็มไปด้วยรถยนตร์ที่กำลังแก่งแย่งชิงพื้นที่บนถนนเพื่อที่จะมุ่งหน้ากลับบ้าน ร้านรวงต่างๆ ใจกลางเมืองเริ่มปิดกันแล้วเนื่องจากเป็นวันต้นสัปดาห์ แต่บรรยากาศหน้า The State Theatre กลับเนืองแน่นไปด้วยคนไทยที่ทยอยเดินทางกันมาชมการแสดงเดี่ยว 9.5… นี่อาจจะถือได้ว่าเป็นการรวมตัวของคนไทยที่เยอะที่สุดงานหนึ่งก็เป็นได้ บางคนเดินทางมาจากต่างเมือง บางคนขอเจ้านายลางาน บางร้านถึงกลับปิดร้านมาดูกันเลยก็มี ทุกคนมีใบหน้ายิ้มแย้ม มีความสุข เฝ้ารอเวลานี้
จนกระทั่งเวลา 6 โมงเย็น ประตูเปิด คนจึงเริ่มทยอยเข้าไปนั่งประจำที่เตรียมรอชมการแสดงกันอย่างใจจดใจจ่อ...
The State Theatre นั้น ถือว่าเป็นโรงละครที่เก่าแก่โรงหนึ่ง การตกแต่งภายในนั้นจึงมีความคลาสสิกมาก ผู้ชมทุกท่านก็อาจจะอิ่มเอมกับบรรยากาศที่มีกลิ่นอายของยุโรป อีกทั้งก่อนเวลาเปิดงาน ยังมีวงดนตรีคลาสสิก มาขับกล่อมผู้ชมให้หายเบื่อในขณะที่รอการแสดงเริ่มอีกด้วย เมื่อได้เวลา ผู้ชมพร้อมประจำที่นั่ง ไฟหรี่ลงเล็กน้อย เสียงอูคูเลเล่ พร้อมด้วยเสียงร้องของ ลุลา และ สิงโตนำโชค ในเพลงสรรเสริญพระบารมีก็เริ่มก้องกังวาลไปทั่วฮอลล์ สะกดคนดูให้ยืนตรงนิ่ง พร้อมที่จะเริ่มทำการแสดง ถือได้ว่าเป็นเพลงสรรเสริญพระบารมีในเวอร์ชั่นที่ไพเราะที่สุดอีกเวอร์ชั่นหนึ่ง เมื่อสิ้นเสียงเพลงสรรเสริญพระบารมี สองพิธีกรจำเป็นก็เดินออกมาทักทายคนดูอย่างประหม่าเล็กน้อย ลุลา และ สิงโตนำโชค คือพิธีกรจำเป็นในค่ำคืนนี้ เมื่อเค้าทั้ง 2 ได้ทักทายผู้ชมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ศิลปินสาวเสียงหวาน "ลุลา" ก็ได้เริ่มร้องเพลงที่เตรียมมาทำให้ผู้ชมทุกคนนั่งนิ่งพร้อมด้วยรอยยิ้มเหมือนถูกมนต์เสียงของเธอสะกด อีกทั้ง สิงโตนำโชค ที่นำกีต้าร์ และอูคูเลเล่คู่ใจมาขับกล่อม เพื่อให้ผู้ชมพร้อมที่จะเข้าสู่การแสดงเดี่ยวอย่างเต็มรูปแบบ
เมื่อม่านเปิดอีกครั้งก็ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย พี่โน้ส อุดม แต้พานิช ได้ออกมาแสดงพร้อมกับการเปิดตัวแบบคลาสสิก "หากพวกเรากำลังสบายจงปรบมือพลัน..." และการแสดงเดี่ยวก็ดำเนินต่อไปด้วยเสียงหัวเราะที่ไม่ขาดสาย จนเมื่อทุกคนมารู้ตัวอีกครั้งก็ล่วงเลยเวลามาเกิน 3 ชั่วโมงแล้ว ถึงแม้ว่าจะนานเท่าไหร่ ทุกๆคนที่มาชมการแสดงครั้งนี้ ก็ไม่มีทีท่าว่าจะอยากลุกไปไหน และเมื่อเวลาล่วงเลยมาพอสมควร คุณโน้สก็ได้กล่าวอำลาแฟนๆ เป็นการปิดฉากเดี่ยว 9 อย่างสมบูรณ์แบบ ผู้ชมลุกจากที่นั่งกลับบ้านกันไปอย่างมีความสุข นอนหลับฝันดี ทิ้งไว้เพียงความทรงจำดีดีที่เกิดขึ้นในโรงละครกับเวลาแห่งความสุข 4 ชั่วโมงเต็ม พวกเราก็หวังไว้ว่าจะมีการแสดงแบบนี้จากคุณโน้สให้ชมกันอีกในไม่ช้าก็เร็ว
การแสดงเดี่ยวครั้งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งเรื่องการขอวีซ่าจากคุณมาร์ค อีเดน การประสานงานที่ทำได้อย่างมืออาชีพ จากคุณปาล์ม จำปีทราเวล และคุณกุ้ง ทีมงานน้าตุ๋ยเวบไซต์ที่คอยดูแลทีมงานของพี่โน้ส ตลอดเวลาที่ซิดนีย์
คุณลุลา และ สิงโตนำโชค ที่มาให้ความบันเทิงก่อนเปิดงาน และที่สำคัญที่สุดคือ พี่โน้สของพวกเรา ที่กลับมาให้ความบันเทิงกับชาวไทยในออสเตรเลียทุกครั้งที่แสดงเดี่ยว ชาวไทยที่นี่ถือว่าเป็นชาวไทยที่โชคดีที่สุดในโลกที่มีกิจกรรมดีๆ จากไทยให้เราได้รับชมรับฟังทำให้หายคิดถึงบ้านกันได้เป็นปลิดทิ้ง จากการที่เหนื่อยล้าในเรื่องของการทำงาน เหมือนพี่โน้สเป็นเชื้อเพลิงมาเติมพลังความสุขให้เต็ม เพื่อพร้อมที่จะใช้พลังงานนี้ดำเนินชีวิตต่อไป ฟ้าหล้งฝนนี่มันช่างสดใสดูดี มวาก..มวากกกกก
เรียบเรียงบทความโดย Natui.com.au