หญิงชาวออสเตรเลียรอดปาฎิหาริย์หลังรถคว่ำและติดอยู่นาน 3 วัน ถึงขั้นพยายามตัดขาตัวเอง
หญิงชาวรัฐนิวเซาท์เวลส์ ของออสเตรเลียสามารถรอดชีวิตมาได้ราวปาฏิหาริย์ หลังจากติดอยู่ในซากรถที่พลิกคว่ำนานถึง 3 วัน และยังพยายามตัดขาตัวเอง เพื่อหาทางออกมาจากซากรถอีกด้วย รายงานระบุว่า เดบอร่าห์ แม็คไนจ์ จากเมืองทูมัท วัย 45 ปี ซึ่งเพิ่งเสร็จจากการรับประทานอาหารกลางวันกับลูกสาวในวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันคริสต์มาส และกำลังขับรถกลับบ้าน ได้หักหลบกระทันหันเนื่องจากจิงโจ้ตัดหน้า ทำให้เธอสูญเสียการควบคุมรถยนต์ โฮลเด้น คอมโมดอร์ จนรถพลิกคว่ำไถลลึกเข้าไปในป่าละเมาะที่หนาทึบ ทำให้รถที่แล่นผ่านไป-มา บนถนน ไม่สามารถมองเห็นได้
ตำรวจ เปิดเผยว่า ขาซ้ายของแม็คไนจ์ถูกอัดติดอยู่ระหว่างประตูรถกับพื้น แบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือก็หมด ทำให้เธอไม่สามารถโทรแจ้งเหตุฉุกเฉินได้ และต้องติดอยู่ในซากรถด้วยความทรมานอยู่อย่างนั้นถึง 75 ชั่วโมง โดยปราศจากอาหารและมีน้ำดื่มเพียงขวดเดียวประทังชีวิต บุตรสาวของเธอให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ ซิดนีย์'ส เดลี่ เทเลกราฟว่า แม็คไนจ์พยายามตัดขาตัวเองแต่อุปกรณ์ที่เธอใช้ไม่คมพอ ทำให้ไม่สามารถตัดส่วนกระดูกได้ แต่บุตรสาวของเธอไม่ทราบว่าเธอใช้อะไรตัด
แม็คไนจ์ต้องทนรออยู่ท่ามกลางอากาศร้อน และพายุลูกเห็บ เธอพยายามส่งเสียงตะโกนออกมาจากรถยนต์ที่อยู่ห่างจากถนนราว 3 เมตร ขณะที่บาดแผลที่ขาเลวร้ายลงเรื่อย ๆ ซึ่งในที่สุดก็มีวัยรุ่นคนหนึ่ง เดินผ่านมาเมื่อบ่ายวันพุธ และได้ยินเสียงของแม็คไนจ์ จึงเดินตามไปดูจนพบซากรถ ที่ภายในยังมีของขวัญคริสต์มาส
#news#
แม็คไนจ์ ได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแคนเบอร่า ที่แพทย์ต้องตัดขาซ้ายบริเวณหนือเข่าออกซึ่งตอนแรกเธออาการสาหัส แต่ภายหลังอาการทรงตัวแล้ว แพทย์ระบุว่า การที่แม็คไนจ์ตัดขาตัวเองไม่สำเร็จได้ช่วยชีวิตของเธอไว้ และการที่ขาของเธออัดติดอยู่กับประตูรถ ได้เปรียบเสมือนการห้ามเลือดเอาไว้ ทำให้ไม่เสียเลือดจนเสียชีวิต นับว่าเธอเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดที่เอาชีวิตรอดมาได้ ด้านตำรวจได้แสดงความสงสัยว่า เหตุใดคนที่บ้านจึงไม่รู้สึกแปลกใจที่เธอหายไป 3 วัน
