นักโต้คลื่นชาวออสเตรเลียถูกฉลาม ซึ่งคาดว่าจะเป็นฉลามหัวบาตร จู่โจม
#news#
ผู้เห็นเหตุการณ์เล่านาทีระทึก ฉลามงับหนุ่มนักโต้คลื่นชาวออสเตรเลียขาขาด แล้วลากลงไปในน้ำก่อนว่ายวนไปรอบๆ ขณะที่เหยื่อกำลังกรีดร้องขอความช่วยเหลือ ว่าเหมือนภาพยนต์ระทึกขวัญสุดคาลสสิก "จอว์ส" โชคดีที่หนุ่มรายนี้รอดชีวิตมาได้ และกำลังพักฟื้นตัว
เกลน โฟลการ์ด ช่างทำรอยสัก วัย 44 ปี กำลังโต้คลื่นห่างจากชายหาดเรดเฮด เมื่อฉลามขนาดลำตัวยาวประมาณ 2 เมตร เข้าจู่โจมในช่วงบ่ายวันพุธ (18) ที่ผ่านมา ท่ามกลางสายตานักท่องเที่ยวนับร้อยคู่
ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ฉลามตัวดังกล่าวงับเข้าไปที่ต้นขาของโฟลการ์ด และกระดานโต้คลื่นของเขา ก่อนจะลากเขาลงไปในน้ำ
ขณะที่โฟลการ์ดพยายามสลัดตัวเองให้หลุดจากปากนักล่าแห่งท้องทะเลตัวนี้ พร้อมความช่วยเหลือจากเพื่อนนักโต้คลื่น เขาก็รีบว่ายกลับเข้าฝั่ง โดยทิ้งคราบเลือดไว้เป็นทางยาว โดยมีเจ้าฉลามตัวนั้นก็ยังว่ายวนเวียนอยู่
เขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในทันที โดยในวันนี้ (19) อาการของเขาเริ่มทรงตัวแล้ว หลังได้รับการผ่าตัด
"อย่างกับหนังเรื่องจอว์ส คุณก็รู้ ฉากตอนเริ่มเรื่อง ที่ทุกๆ คนว่ายออกไปในน้ำ เป็นวันที่อากาศร้อน และน่าเล่นน้ำ" พยานรายหนึ่ง ซึ่งบอกแต่เพียงว่าชื่อปีเตอร์เล่าผ่านหนังสือพิมพ์ซิดนีย์ มอร์นิง เฮอรัลด์
"ลูกชายของผมบอกว่า จริงๆ แล้วเขาเห็นฉลามกระโดดขึ้นจากน้ำเพื่อกินปลา จากคำบอกเล่ามันน่าจะเป็นฉลามหัวบาตร" ปีเตอร์กล่าว โดยว่า "ผิวหนังของเขา (โฟลการ์ด) กลายเป็นสีเทา เขาคงเสียเลือดไปมากแน่ๆ"
ฉลามหัวบาตรเป็นฉลามขนาดกลาง ซึ่งเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปถึงความก้าวร้าว และมีแนวโน้มโจมตีมนุษย์
ตามรายงาน ในเวลาเกิดเหตุ มีนักท่องเที่ยวอยู่บนชายหาดยอดนิยมดังกล่าวราว 500 คน โดยมีคนที่ลงไปเล่นน้ำร่วม 100 คน
ส่วนโทนี เจมส์ พยานอีกคนหนึ่งกล่าวว่า "มันแค่จู่โจมเขา และดึงเขาลงน้ำพักหนึ่ง เขาก็สามารถหนีขึ้นมาบนผิวน้ำได้ แต่ผมเห็นว่ามันยังว่ายตามเขาอยู่"
เฮลิคอปเตอร์ของหน่วยกู้ภัยต้องบินลาดตระเวนหลังเหตุการณ์ดังกล่าว และพบฉลามฝูงใหญ่หลายฝูงว่ายเข้าไปใกล้กับชายหาดแห่งนี้ ซึ่งประกาศปิดพื้นที่ไว้
ทว่า หลังจากนั้นไม่ถึง 24 ชั่วโมง ชายหาดดังกล่าวก็เปิดรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง แม้ว่าเจ็ตสกี และเฮลิคอปเตอร์ยังออกลาดตระเวนอยู่ ขณะที่ปลาหลายฝูง ซึ่งคาดว่าเป็นเหยื่อล่อให้ฉลามเข้าใกล้ชายฝั่งว่ายกลับออกสู่ทะเลไปแล้ว
ฉลามเป็นสัตว์ที่พบทั่วไปในน่านน้ำออสเตรเลีย และมีผู้พบเห็นพวกมันตามแนวชายฝั่งในช่วงฤดูร้อนนี้อยู่หลายครั้ง ทว่า การโจมตีที่ร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตนั้นพบได้ไม่บ่อยนัก โดยมีเหยื่อเพียง 27 คนในช่วง 22 ปีที่ผ่านมา
