ถ้ายังไม่แน่ใจว่าจะทนอยู่ต่อไปหรือเดินจากไปเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่
ลองตรวจสอบความรู้สึกดังต่อไปนี้
เมื่อก่อนนี้รักกันจี๋จ๋า อยากเห็นหน้ากันวันละหลายหน อยากได้ยินเสียงวันละหลายครั้ง หายใจเข้าก็… เฮ้อ… เธอ หายใจออกก็… เฮ้อ.. .เธอ แต่เดี๋ยวนี้มันเซ็งในอารมณ์จนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก หรือความรักมันจืดชืดจนเกินเยียวยาเสียแล้ว ถ้าอยู่กันแบบเบื่อๆ เซ็งๆ แบบนี้ สู้ทะเลาะกันให้แตกหักไปเลยดีกว่า เพราะคนที่เบื่อหน้ากันมันจะเบื่อจนขี้เกียจทะเลาะ แล้วก็จะอยู่ด้วยกันแบบฝืดๆ ไปเรื่อยๆ แบบนี้ เหมือนคนย่ำอยู่กับที่ไม่ก้าวไปไหน นี่แสดงว่าความสัมพันธ์กำลังเข้าขั้นวิกฤต และ
1.อย่าใช้เรื่องราวในอดีตมาเป็นตัวตัดสิน
ควรตัดสินใจด้วยสภาวะและความรู้สึกในปัจจุบันเท่านั้น อย่าขุดคุ้ยเรื่องราวในอดีตมาข้องเกี่ยว จนทำให้จิตใจไขว้เขว เช่น ตอนนี้เบื่อหน่ายจนอยากเลิก แต่พอนึกถึงความดีของเขาในอดีต ก็เลยสงสารเห็นใจ ไม่อยากทำร้ายอีกฝ่ายให้เจ็บช้ำ เลยยอมทนทู่ซี้อยู่กันไปวันๆ ซึ่งไม่ให้ผลดีแก่ใครเลย ยิ่งยื้อไว้ก็ยิ่งผูกพัน พอถึงคราวต้องเลิกกันจริงๆ เขาจะยิ่งเจ็บหนักกว่าเดิม ทางที่ดีถ้าเห็นว่าไปไม่รอด ก็ปล่อยเขาไปเถอะ แยกย้ายกันไปเจอคนที่คู่ควรดีกว่า
2.ทั้งคู่คิดปรับปรุงความสัมพันธ์ให้ดีขึ้นไหม
คนบางคนมีนิสัยยอมแพ้อะไรง่าย แค่ความสัมพันธ์เริ่มมีปัญหาก็คิดว่าเลิกๆ ไปเถอะ ทั้งที่ยังไม่ได้หันหน้าเข้าหากัน เพื่อแก้ไขปัญหา ลองสู้เพื่อความรักดูก่อนไหม แต่ถ้ามีเพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพยายามอยู่ข้างเดียว โดยที่อีกฝ่ายไม่ให้ความร่วมมือเลย ก็ควรแยกกันไปดีกว่า ทางใครทางมันดีที่สุด
3.ทนอยู่เพราะไม่อยากหาคนใหม่
ส่วนใหญ่จะเป็นกรณีที่รักกันมานานหลายปีจนขี้เกียจเลิกไปหาคนใหม่ คล้ายกับเป็นความเคยชินด้วย เหตุผลแบบนี้ไม่เข้าท่าเลยค่ะ จะทนทรมานกันไปทำไม รีบตัดไฟเสียแต่ต้นลมดีกว่า ไม่ควรเสียเวลาในชีวิตไปกับคนที่เราไร้ความรู้สึกด้วยแล้ว อย่ากลัวที่จะเดินหน้าต่อไป คิดเสียว่า เราก็ให้โอกาสเขาได้ไปเจอคนที่เหมาะสมกว่าเราด้วย
4.กลัวเลิกแล้วหาใหม่ไม่ได้
กลับขึ้นคานหรือคะคุณขา…อย่าไปกลัวค่ะ เหตุผลนี่ละที่ทำให้คนไม่กล้าบอกเลิกกันเสียที ทั้งที่เป็นเหตุผลสุดแสนไม่เข้าท่าในการหาข้ออ้างเพื่อทนอยู่กันต่อไป เพราะกลัวการอยู่คนเดียวนั่นเอง
5.ความแตกต่าง
ตอนแรกก็เข้าขากันดี แต่พออยู่ไปนานๆ เอ๊ะ นั่นก็ไม่ใช่ นี่ก็ไม่ไหว ความแตกต่างยิ่งโผล่ออกมาให้เห็น ไปๆ มาๆ กลายเป็นว่าแทบไม่มีอะไรเหมือนกันเลย ก่อนอื่นลองถามตัวเองว่า เรากับเขาแตกต่างกันมากขนาดนั้นเชียวหรือ ควรใช้วิธีพูดคุยกันมากขึ้นเพื่อกำจัดช่องว่าง หรือให้เขาได้ใกล้ชิดเรามากขึ้น ลองทำดูก่อนที่จะคิดเลิกรากันง่ายๆ
6.มองหาข้อดีของการอยู่ด้วยกัน
ลองจดลงกระดาษว่า ข้อดีของการอยู่ด้วยกันต่อไปมีอะไรบ้าง เช่น เขาทำให้เรารู้สึกอบอุ่นมั่นคง เป็นไหล่ให้ซบเช็ดน้ำตา ให้คำแนะนำที่ดีเยี่ยม แถมเซ็กส์ยังสุดยอด ฯลฯ เขียนข้อดีลงกระดาษอย่างละเอียด แล้วถามตัวเองว่า เราทนอยู่กับเขาเพราะอะไร จากนั้นลองเขียนข้อดีของการเลิกกัน เช่น มีเวลาของตัวเองมากขึ้น มีโอกาสได้พบคนที่เหมาะสมกับเราจริงๆ มีอิสระที่จะท่องเที่ยวไปไหนมาไหน ไม่ต้องมีเซ็กส์กับเขาอีกต่อไป
7.ตัดสินใจถูกหรือเปล่า
หากตัดสินใจถูกต้อง ความรู้สึกจะเป็นดังนี้ ถ้าตัดสินใจเลิก เราจะรู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อยเมื่อคิดถึงอนาคตข้างหน้า และเจ็บปวดนิดๆ ที่ความรักล้มเหลว แต่อาการจะดีขึ้นเองในภายหลัง ถ้าตัดสินใจอยู่ต่อ เราจะรู้สึกเหมือนได้ฟื้นฟูความสัมพันธ์กับคนรักขึ้นมาใหม่ ความมีชีวิตชีวาและสีสันจะกลับคืนมาเหมือนแรกรักกัน ทั้งเราและเขาจะตั้งตารออนาคตอันสดใส เพราะได้ร่วมกันสานสัมพันธ์ให้แนบแน่นกว่าเดิม
เหตุผลที่สมควรบอกเลิก
+ มีสิ่งที่เหมือนกันหรือเข้ากันได้ไม่กี่อย่าง เช่น งานอดิเรก เซ็กส์ และหมา
+เขาไม่ยอมประนีประนอมด้วยเลย และไม่คิดว่าความรักกำลังมีปัญหา ทั้งที่เราพยายามอธิบายจนปากเปียกปากแฉะก็เถอะ
+เขาปฏิบัติกับเราแย่มากๆ
+เขาเอาเปรียบเรา หรือไม่เราก็เบื่อเสียจนไม่อยากแตะเนื้อต้องตัวเขาเลย
+เรารักเขาในระดับหนึ่งแต่ยังไม่มากพอที่จะอยู่ด้วยกันในระยะยาว ไม่พร้อมจะอยู่กับใครสักคนจนชั่วชีวิต ไม่อยากแบ่งปันทุกข์สุขความรักความหลัง และเรื่องราวอีกมากมายซึ่งเป็นรายละเอียดของชีวิต ตอนนี้มีเพียงอารมณ์ของความรักเท่านั้น ถ้างั้นก็ควรเปลี่ยนจากแฟนเป็นเพื่อนจะดีกว่า
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะเบื่อหน้าเขาเต็มทน ควรคิดูให้ดีเสียก่อนว่า เป็นเพราะปัจจัยภายนอกหรือเปล่า อาจเป้นเพราะเรื่องงานหรือเพื่อนฝูงญาติพี่น้อง ก็เลยพาลเบื่อไปหมด มิฉะนั้นอาจสูญเสียผู้ชายแสนดีหนึ่งเดียวในชีวิตไปก็ได้ค่ะ
ขอบคุณที่มาบทความจาก msn
#news#