สิ่งแรกที่ผมชอบที่สุดในประเทศนี้ ก็คืออากาศหนาวครับ ผมมาถึงในช่วงที่เพิ่งเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวพอดี ใบไม้เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง ร่วงหล่นให้เห็นอยู่ตลอดทาง อากาศเย็นสบายดีมาก ๆ อากาศดีทั้งวันตั้งแต่เช้าถึงเย็น แดดเจิดจ้าท้องฟ้าสดใสมาก แต่ว่าโดยส่วนตัวแล้วจะชอบฝนตกมากกว่าก็ตาม กว่าจะทำใจอยู่อย่างเหงา ๆ คนเดียวในครอบครัวฝรั่งได้ก็นานโข แต่ก็เราเป็นคนชอบลุยอยู่แล้ว และต้องเผชิญกับการท้าทายหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมห้องเรียนชาวบราซิลตัวแสบ และการเดินทางจากบ้านพักไปโรงเรียน ที่ใช้เวลานานถึงหนึ่งชั่วโมงบนรถบัส ที่เต็มไปด้วยฝรั่งหัวทองและมองเราเป็นดั่งตัวตลก แห่งน่านน้ำแปซิฟิคก็ดีชีวิตผมนั้นก็เป็นไปอย่างเรียบง่าย
ตามดั่งแผนที่มีคนวางไว้ให้ทุกอย่างเรียนภาษาหกเดือน ต่อด้วย diploma course สาขาการบริหารการตลาด อีกสองปีปริญญาตรีอีกสองปีครึ่ง (มัวแต่เที่ยวเล่นไปครึ่งปี) และก็ตอนนี้กำลังเรียนต่อปริญญาโท ตามลำดับในด้านของการเรียน ถือว่ายากมากเลยทีเดียว เพราะต้องเรียนด้วยตัวเองทุกอย่าง อาจารย์ก็แค่สอนในห้องเรียน พอจบก็กลับไม่สนใจใยดีนักเรียนแม้แต่น้อยนิด ที่เรียนพิเศษก็ไม่มี ก็ถือว่าเป็นการช่วยตัวเองแบบเต็มที่ และทำให้เราเก่งขึ้นในที่สุด แต่ที่น่าแปลกก็คือสำหรับชีวิตผมเพื่อนที่สนิทที่สุด มักจะไม่ใช่เพื่อนที่เรียนอยู่ด้วยกัน แต่กลับเป็นเพื่อนที่เพื่อนของเพื่อน แนะนำให้รู้จักกันอีกทีนอกมหาลัย แต่ถ้าเป็นที่เมืองไทย คงจะเป็นเพื่อนที่เรียนอยู่ด้วยกันที่สนิทที่สุด มันแปลกดีไหมครับการอยู่ในซิดนีย์ ในความคิดของผมก็ไม่มีอะไรมาก ก็ต้องอ่อนน้อมถ่อมตนเข้าไว้ เพราะส่วนใหญ่เราจะเด็กกว่าคนที่เราเจอ ตั้งใจโฟกัสในสิ่งที่เราควรทำ และควรรับผิดชอบอย่าติดการพนันนี่สำคัญมาก ไม่ติดผู้หญิงด้วยเช่นกันเขาใจว่าต่างคนก็ต่างเหงา เริ่มต้นเร็วก็มักจะจบลงเร็วน่ะครับ อย่าลืมเเล้วแน่นอนมันอาจจะเอ็ฟเฟ็ก ต่อสิ่งที่ต้องรับผิดชอบตรงหน้าด้วย
ผมรู้สึกอิจฉาผู้คนที่นี่อยู่นิด ๆ ตอนมาใหม่ ๆ เพราะว่าที่ซิดนี่ย์มีสวนสาธารณะเยอะมาก ๆ มีที่ว่างสำหรับส่วนรวม ไว้ใช้ทำกิจกรรมเยอะแยะเลย ถ้าเป็นกรุงเทพก็คงมีแต่สวนลุมที่เต็มไปด้วนควันไอเสียละครับ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าสวนลุมลุมไปด้วยควันพิษ
สำหรับวันนี้ต้องลากันไปแค่นี้่ก่อน เพราะว่าเวลาและเนื้อที่จำกัดมาก น้าตุ๋ยบอกอย่างนั้น แล้วเดี๋ยวไว้ผมจะมาเล่าประสบการ์ณตรงของผมต่อ ในคราวหน้าอย่างละเอียดเกี่ยวกับ การอยู่อย่างไรในแดนจิงโจ้แห่งนี้ น่ะครับแล้วเจอกันใหม่ขอบคุณครับ
ดีเจบอนนี่