ผลการศึกษาค้นคว้าของ แกรี จิโอวิโน ประธานของ the Department of Community Health and Health Behavior จากมหาวิทยาลัยบัฟฟาโลในรัฐนิวยอร์ก ของสหรัฐฯ ซึ่งเผยแพร่ลงในวารสารการแพทย์ “แลนเซต” (The Lencent) กล่าวถึงความน่าเป็นห่วงของสถาณการณ์โลกที่มีคนติดบุหรี่มากขึ้น
เมื่อ 17 ส.ค.จากการสำรวจ 16 ประเทศในจำนวนประชากร 3,000 ล้านคนพบว่าแม้หลายประเทศมีกฎหมายการห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ ห้ามโฆษณา และสั่งให้บริษัทผู้ผลิตใส่ข้อความเตือนเรื่องสุขภาพไว้บนหน้าซองหรือบนกล่อง แต่ก็ยังมีการสูบบุหรี่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาเพิ่มขึ้น
โดยจากการสำรวจ เกือบ60 % ของประชากรในประเทศกำลังพัฒนาสูบบุหรี่ แยกเป็นผู้ชาย 48.6% ผู้หญิง 11.3% แต่กลุ่มผู้หญิงน่าเป็นห่วงสุด เพราะเริ่มหัดสูบบุหรี่ในวัยที่ลดลงเป็น 17 ปีขึ้นไป เมื่อเทียบวัยเดียวกันในกลุ่มผู้ชาย ทั้งบังกลาเทศ บราซิล จีน อียิปต์ อินเดีย เม็กซิโก ฟิลิปปินส์ ตุรกี ยูเครน อุรุกวัย เวียดนาม และไทย รวมถึงอังกฤษ โปแลนด์ รัสเซีย และสหรัฐฯ
แต่เมื่อแยกประเทศที่วัยรุ่นอายุ 15 ปีขึ้นไปสูบมากสุดเป็นรัสเซีย 39.1% ตามด้วยตุรกี 31.2% โปแลนด์ 30.3% ฟิลิปปินส์ 28.2% และจีน 28.1%
อาจารย์แกรี ได้กล่าวว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้หญิงสูบบุหรีมากขึ้น เนื่องมากจากสื่อต่างๆที่ชูภาพความทัดเทียมกันของเพศหญิงและชาย โดยแสดงภาพผู้หญิงที่สูบบุหรี่ว่ามีความแข็งแรง และดูหรูหรา
นอกจากนี้ประเทศที่รัฐบาลเป็นเจ้าของโรงงานยาสูบเองนั้น ทำให้รัฐบาลไม่เข้มงวดมากนักกับกฏหมายการห้ามสูบบุหรี่ ตัวอย่างนี้เห็นได้ชัดในประเทศจีน ที่เป็นรัฐสังคมนิยม
อย่างไรก็ตาม ทางการออสเตรเลียเตรียมกฎหมาย “ห้ามตราสินค้า” ตามข้อแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) และมีอีกหลายประเทศอยู่ในขั้นตอนการพิจารณากฎหมายนี้ ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ นอร์เวย์ นิวซีแลนด์ แคนาดา และอินเดีย
<iframe width="560" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/IXfYFz_hhXM" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
ทั้งนี้ รายงานของ WHO พบว่าการสูบบุหรี่คร่าชีวิตผู้สูบถึงครึ่งหนึ่ง เพราะก่อให้เกิดโรคมะเร็งปอดและป่วยเรื้อรัง รวมถึงโรคหัวใจและหลอดเลือด ถือเป็นมัจจุราชอันดับ 1 ของโลก.
#news#