ขึ้นชื่อว่าของถูก ใครได้ยินก็หูผึ่งกันทั้งนั้น โดยเฉพาะบรรดาสาวๆ เรื่องพรรณนี้อย่าให้ได้เข้าหูทีดีเชียว ไกลแค่ไหนก็คือใกล้ ไม่หวั่นในระยะทาง แห่กันไปช้อปจนกระเป๋าฉีกแน่นอน..
อย่าว่าแต่สาวๆ เลย พวกหนุ่มๆ ก็ใช่ย่อย บางคนยิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีก ได้ยินที่ไหนมีของถูก ลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ พุ่งพรวดเข้าไปทันที!!
โดยเฉพาะที่ซิดนีย์ ร้านค้าทั้งหลายแหล่ชอบลดกระหน่ำเอาใจลูกค้าเสียจริง ติดป้ายตัวโตๆ ลดราคา 50-70 เปอร์เซ็นต์ ใครไม่น้ำลายหกให้มันรู้ไป
แล้วที่นี่เขาลดจริงไม่ลอกอเหมือนบ้านเรา ที่หลายๆ ร้านชอบตั้งราคาหลอกให้ดีใจเล่น เอาราคาเกินจริงไปเป็นราคาขาย พอหักส่วนลดแล้วก็เหลือราคาจริงที่เคยขายก่อนหน้านี้ หรือลดลงมาก็ไม่กี่สตางค์..
พอที่ซิดนีย์มีโปรโมชั่นหั่นราคา คนไทยเลยพากันแห่ไปซื้อ บางคนซื้อมาแล้วยังไม่รู้เลยว่าจะเอาไปใช้ตอนไหน และเอาไปทำอะไร ขอแค่ให้ได้ซื้อเพื่อความสะใจ สนองนิ๊ดดดดดด... หรือให้ได้รู้สึกว่า ได้ซื้อของถูกกว่าชาวบ้านแค่นี้ก็พอใจแล้ว บางคนทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า วางซ้อนกันเป็นชั้นๆ แทบไม่มีที่จะเก็บ ส่วนที่เอามาใช้จริงก็มีไม่กี่ชิ้นเท่านั้น
แต่อย่างว่าของพรรณนี้เป็นความสุขส่วนบุคคล ใครบ้างจะไม่ชอบของถูก.. แต่ของถูกบางอย่างก็ใช่ว่าจะดีเสมอไปต้องตรวจสอบให้ดีก่อนซื้อทุกครั้ง โดยเฉพาะของบางอย่างหากเลือกซื้อที่ถูกกว่าราคาในความเป็นจริง เราอาจจะต้องจ่ายแพงขึ้นมาอีกเป็นร้อยเท่าก็เป็นได้..
อย่างเช่นในนครซิดนีย์แห่งนี้ พวกที่ชอบของถูกจนเคยตัว ระวังตัวกันเอาไว้ให้ดี โดยเฉพาะคนที่เพิ่งมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ อาจจะยังไม่รู้ว่าของถูกที่ว่านี้อาจจะทำให้คุณหมดตัวเลยก็ว่าได้
ของถูกที่ว่านั่นก็คือ Ticket “MyBus” หรือ “ตั๋วรถประจำทาง” นั่นเอง!!
หลายคนอาจสงสัยว่าตั๋วรถประจำทาง ใบหนึ่งราคาแค่ไม่กี่ดอลล่าร์ ทำไมถึงกับทำให้หมดตัวได้ขนาดนั้น...
ราคาตั๋วไม่กี่ดอลล่าร์ก็จริง แต่หากใครซื้อตั๋วผิดประเภท แล้วเจ้าหน้าที่ของบริษัทเดินรถประจำทางตรวจพบ นั่นแหละแจ็คพอตจะทำให้คุณหมดตัว ถือเป็นคราวซวยของคุณจริงๆ เพราะกฎหมายที่ซิดนีย์เข้มงวดและจริงจังมาก คุณจะต้องเสียค่าปรับซึ่งมีมูลค่าแพงกว่าราคาตั๋วที่คุณซื้อมาถึงหนึ่งร้อยเท่า
อย่างกรณีล่าสุดสดๆ ร้อนๆ Mr.I Putu Astina Pramartha อายุ 19 ปี นักเรียนชาวอินโดนีเซียคนนี้ ถูกเจ้าหน้าที่ของบริษัทเดินรถประจำทางจับในข้อหา ซื้อตั๋วรถประจำทางผิดประเภท ต้องเสียค่าปรับเป็นจำนวนเงิน 200$ AUD
Mr.I Putu เล่าว่า เป็นความโชคร้ายของผมอย่างมากที่มาถูกจับ โดยเมื่อไม่กี่วันมานี้ ผมออกจากบ้านที่ถนน Burwood, NSW. ในช่วงเช้าเพื่อจะขึ้นรถไปที่สถานีรถไฟ Burwood อยู่ห่างจากที่พักประมาณ 5-10 นาที มาเรียนหนังสือย่าน Redfern
ปกติจะขึ้นรถประจำทางสาย M41 และสาย 400 แต่วันนั้นตื่นสาย พอมาถึงป้ายรถประจำทาง รถสาย 464 กลับมาถึงก่อน จึงตัดสินใจขึ้นสายนี้แทน เนื่องจากสามารถไปลงที่สถานีรถไฟได้เหมือนกัน โดยผมใช้ตั๋วรถประจำทาง MyBus1 ในการชำระค่าโดยสารเหมือนทุกครั้ง
เมื่อมาถึงสถานีรถไฟ เวลาประมาณ 09.20 น. พอลงจากรถ มีผู้ชายราว 5-6 คน สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวมีโลโก้บริษัทเดินรถประจำทาง นุ่งกางเกงสแลค ยืนอยู่ที่ป้ายดังกล่าว ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาผม แล้วขอตรวจสอบตั๋วรถประจำทาง ผมยื่นให้ดูตามปกติ จากนั้นชายดังกล่าวบอกว่าผมซื้อตั๋วรถผิดประเภท ต้องเสียค่าปรับพร้อมกับหยิบใบสั่งขึ้นมาเขียนทันที
ผมตกใจมาก รีบถามกลับไปว่าทำไมถึงผิดประเภท ปกติซื้อตั๋วประเภทนี้ขึ้นรถประจำทางมาลงที่นี่ทุกวันอยู่แล้ว เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวบอกว่า ตั๋วประเภทนี้ใช้เดินทางได้เพียง 1-2 Sections เท่านั้น แต่ที่ผมนั่งมาเกิน Sections ที่กำหนดไว้ ต้องเสียค่าปรับเป็นจำนวนเงิน 200$ AUD
“วินาทีนั้นผมทำอะไรไม่ถูก ตกใจไปพักหนึ่ง ก่อนตั้งสติแล้วอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เจ้าหน้าที่ฟังว่า ผมนั่งรถประจำทางสาย M41 และสาย 400 มาที่นี่ทุกวันก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร เพียงแต่วันนี้เปลี่ยนสายใหม่มา เพราะคันนี้มาถึงก่อน ทำไมจึงถูกจับ เจ้าหน้าที่อธิบายว่า รถที่ผมนั่งมาทุกวันจะวิ่งไปอีกเส้นทางหนึ่ง เป็นเส้นทางตรง ส่วนสายที่ผมนั่งมาในวันนี้จะอ้อมไปอีกเส้นทางหนึ่งก่อนที่จะวกมาที่สถานีรถไฟ ซึ่งจะเป็นระยะทางที่ไกลกว่าสายที่ผมนั่งมาที่นี่ทุกวัน ผมจะต้องซื้อตั๋ว MyBus2 ที่เพิ่มระยะทางขึ้นมาอีก จึงจะไม่ถูกปรับ”
เหตุการณ์ในวันนั้นผมไม่รู้จริงๆ ว่าจะต้องซื้อตั๋วรถที่แพงขึ้นมาอีก อธิบายอย่างไรเจ้าหน้าที่ก็ไม่ฟัง และขณะที่ผมถูกจับก็มีคนถูกจับอยู่ข้างๆ เหมือนผมอีกประมาณ 5 คนเห็นจะได้...
เจ้าหน้าที่อธิบายให้ผมฟังว่า ในแต่ละวันมีคนขี้โกงซื้อตั๋วรถประจำทางผิดประเภทเป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้นก็อาจจะเป็นผมที่มีเจตนาเช่นนี้ และถึงแม้จะไม่ได้มีเจตนาก็ตาม แต่ได้ทำผิดกฎหมายไปแล้วก็ต้องถูกปรับเหมือนคนอื่น ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องรู้และต้องศึกษาให้รอบคอบก่อน จะมาอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้
หลังจากได้ฟังแล้วผมก็ยอมรับว่าตัวเองก็ทำผิดกฎหมาย และยินดีที่จะชดใช้ค่าปรับให้ แต่คิดว่าจริงๆ แล้ว น่าจะมีการตักเตือนกันก่อนสำหรับผู้ที่ไม่รู้หรือไม่มีเจตนาจริงๆ เพราะค่าปรับที่ผมต้องจ่ายนั้นถือว่าแพงมาก แพงกว่าค่าตั๋วที่ผมซื้อถึงหนึ่งร้อยเท่าเลยทีเดียว และหากต้องปรับจริงๆ คิดว่าค่าปรับสัก 100$ AUD ก็น่าจะเพียงพอแล้ว กับการตักเตือนผู้กระทำความผิด
"มันเป็นบทเรียนครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตของผมเลย ผมไม่รู้จริงๆ หากเป็นที่ประเทศอินโดนีเซียบ้านผม เวลาขึ้นรถประจำทางจะไปจ่ายค่ารถให้กับคนขับเลย เพียงแค่บอกว่าเราจะไปลงที่ไหน เขาก็จะบอกว่าต้องจ่ายเท่าไหร่ ใครไม่จ่ายก็ไม่ได้ขึ้นรถ แบบนี้ก็ไม่มีใครทำผิดหรือโกงค่าโดยสารได้ แต่ที่นี่คนที่เพิ่งมาอยู่ใหม่ๆ จะไม่รู้ว่าต้องซื้อตั๋วราคาเท่าไหร่จึงจะไม่ถูกปรับ น่าจะมีระยะทางปิดไว้ให้รู้ตามร้านที่ขายตั๋วว่า หากเริ่มจากจุดนี้แล้วจะไปที่ไหนจะต้องซื้อตั๋วในราคาเท่าไหร่ แต่พอไปดูที่ร้านค้าก็ไม่เห็นมี บางคนก็ไม่รู้จะไปถามใคร เพราะบางครั้งถามที่ร้านค้าคนขายก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องใช้ตั๋วราคาเท่าไหร่ ผมจึงเชื่อว่านี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนถูกจับทุกวัน เพราะยังมีอีกหลายคนที่ไม่รู้ว่าตั๋วแต่ละประเภทเดินทางได้ไกลแค่ไหน เพราะบอกแต่เพียงว่ากี่ Sections แต่ไม่รู้ว่าระยะทางแต่ละ Sections นั้นไปได้ไกลแค่ไหน"
เจ้าหน้าที่บริษัทเดินรถประจำทางคนหนึ่ง (สงวนนาม) บอกว่า ตั๋วแต่ละใบจะระบุว่าสามารถเดินทางได้กี่ Sections ซึ่งมีแบบเที่ยวเดียว หรือแบบเหมาใช้ได้ทั้งหมด 10 ครั้ง มีด้วยกัน 3 แบบ แบบแรก MyBus1 เดินทางได้ 1-2 Sections แบบที่สอง MyBus2 เดินทางได้ 3-5Sections และแบบสุดท้าย MyBus3 เดินทางได้ 6+ Sections
แต่ละ Sections จะมีระยะทางประมาณ 1.6 กิโลเมตร ซึ่งหากผู้โดยสารคนไหนไม่แน่ใจว่าจะต้องซื้อตั๋วรถประเภทไหน สามารถเข้าไปตรวจสอบรายละเอียดและศึกษาเกี่ยวกับตั๋วรถประจำทางได้ที่ www.transportnsw.info จะมีรายละเอียดระบุไว้ชัดเจน พร้อมตัวอย่างเส้นทางการเดินรถว่าจากจุดนี้ไปอีกจุดหนึ่งจะเป็นระยะทางกี่ Sections จะต้องซื้อตั๋วประเภทไหน หรือโทรศัพท์สอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 131 500
นอกจากนี้ยังมีตั๋วอีกประเภทหนึ่งคือตั๋วแบบ MyMulti ซึ่งเป็นตั๋วที่สามารถเดินทางได้ทั้งรถประจำทาง เรือเฟอร์รี่ และรถไฟ มี 3 แบบเช่นกัน แบบแรก MyMulti1 แบบที่สอง MyMulti2 และแบบสุดท้าย MyMulti3 สามารถตรวจสอบราคาและรายละเอียดต่างๆ ของตั๋วแต่ละประเภทได้ในเว็บไซต์ของบริษัทเดินรถเช่นเดียวกัน
จริงๆ แล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องศึกษา และต้องรู้กฎระเบียบพร้อมทั้งปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด แต่ละวันมีคนทำผิดเป็นจำนวนมาก บางคนไม่รู้ว่าต้องซื้อตั๋วประเภทไหน บางคนรู้แต่ก็มีเจตนาซื้อผิดประเภทเพราะต้องการประหยัด หรือโกงค่าโดยสารนั่นเอง ทำให้พวกตนต้องออกมาสุ่มตรวจและจับปรับเพื่อจะได้ไม่กระทำผิดอีก
อย่างไรก็ตาม จะมีการสุ่มตรวจอย่างต่อเนื่องทุกวัน บางครั้งจะยืนดักอยู่ที่ป้ายหยุดรถ บางครั้งก็จะมีเจ้าหน้าที่ขึ้นไปตรวจสอบบนรถประจำทาง แล้วแต่ช่วงเวลาและสถานที่ จึงขอเตือนผู้ที่คิดกระทำผิดว่าให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว เพราะหากถูกจับได้จะต้องเสียค่าปรับเป็นจำนวนมาก หรือประมาณหนึ่งร้อยเท่า ซึ่งไม่คุ้มค่ากับเงินที่โกงค่าโดยสารเพียงไม่กี่ดอลล่าร์ และหากไม่ไปจ่ายเราก็สามารถติดตามได้ จึงอย่าคิดหลีกเลี่ยงไม่ชำระค่าปรับ เพราะอาจทำให้คุณมีความผิดเพิ่มมากขึ้น และจะเป็นผลร้ายต่อตัวคุณเอง หรือทางที่ดี เพื่อความแน่ใจให้สอบถามคนขับรถว่า จะเดินทางไปที่ไหนต้องใช้ตั๋วรถประเภทใดดีที่สุด จะได้ไม่เกิดความผิดพลาด และทำผิดกฎหมายเหมือนคนอื่นๆ
นอกจากนี้ตั๋วรถไฟก็มีการโกงกันเป็นจำนวนมากเช่นกัน แต่ละวันมีคนถูกจับหลายรายไม่ต่างจากรถประจำทาง ซึ่งแต่ละสถานีจะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจสอบเช่นกัน ว่าใครขี้โกงซื้อตั๋วรถไฟผิดประเภท ส่วนใหญ่แล้วมักจะโกงโดยการซื้อตั๋วรถไฟประเภทนักเรียน เพราะราคาถูกกว่าตั๋วทั่วๆ ไป ขอให้เลิกคิดว่าจะรอดพ้นการตรวจสอบไปได้ มันไม่ใช่เรื่องสนุกเพราะถูกจับแล้วไม่คุ้มจริงๆ
เห็นหรือไม่ว่า ของถูกบางครั้งก็อาจทำให้กลายเป็นของแพงได้อย่างมหาศาล โดยเฉพาะของถูกที่มาจากการโกงนั้น ต่อให้วันนี้ไม่ถูกจับ...วันหน้าก็ต้องถูกจับได้อยู่ดี
เชื่อเถอะครับ...คนโกงยังไงก็หนีไม่รอด สักวันต้องถูกจับได้ เพียงแต่จะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง!!!