ทุกคนที่มี Home Loan ส่วนใหญ่ก็รู้อยู่แล้ว เนอะ ว่ามันเป็นสัญญาระยะยาว.. เซ็นต์ไปครั้งเดียวอยู่ไป 30 ปีโน่นน.. ยาวไป ยาวไป !! ยิ่งคนไทยเรา ส่วนใหญ่จะถูกพ่อแม่ปลูกฝังมาว่าอย่าสร้างหนี้เกินตัว.. ในเมื่อสร้างมาแล้วก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาผ่อนให้หมด.. ถ้ายังไม่หมดก็อย่าริอาจไปสร้างหนี้เพิ่ม... พอครบ 30 ปีเราจะได้มีบ้านเป็นของตัวเองแบบไม่มีหนี้ 1 หลัง โอ้เย่!!
แต่สิ่งนึงที่คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่รู้ คือ คนออสซี่ส่วนใหญ่มีการเปลี่ยนแปลง Home Loan ทุกๆ 3 ปีค่ะ ก็แหมม.. ชีวิตคนเรามันก็เปลี่ยนกันได้นี่ เนอะ ตอนโสดก็อาจจะซื้อเล็กๆ ไว้ซักห้อง... พอแต่งงานก็ปล่อยอพาร์ทเม้นท์ให้เช่า แล้วซื้อบ้านสำหรับอยู่เอง (ก็ต้องแงะเงินออกมาจากหลังแรก)... พอมีลูกก็ต้องลดภาระ (เปลี่ยนจากPrinciple & Interest เหลือแต่ Interest Only)... พอเห็น 2 หลังแรกกำไรดี ก็อยากได้หลังที่ 3 (ก็ต้องแงะเงินออกมาจาก 2 หลังแรก)... อะไรไปเรื่อย มันไม่ได้ผูกมัดตายตัวขนาดว่า 30 ปีแบบแตะต้องอะไรไม่ได้เลยขนาดน้านนนนนน...
ดิฉันเคยมีเพื่อนคนนึง มีงบจำกัด จะซื้อบ้านได้แต่ละหลังก็ต้องขับรถออกไปซักชม.นึงโน่นนน... แต่ไม่เป็นไร บ้านหลังแรก นางอยากได้ นางไม่มีทางเลือก นางบอกว่านางย้ายได้... ซื้อไปได้แค่ 3 เดือนก็เริ่มรู้สึกว่านี่มันไม่ใช่ชีวิตในฝันแระ!! ถ้าจะมีบ้านเป็นของตัวเองแล้วต้องมาอยู่หลังเขาซะขนาดนี้ จ่ายค่าเช่าในเมืองแบบเดิมยังจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าอ่ะ
แต่ติดตรงที่ว่าบ้านที่ซื้อมานี่นางทำแบบ Principle & Interest (จ่ายทั้งต้น-ทั้งดอก) มา ภาระต่อเดือนก็เลยสูง.. ครั้นจะปล่อยเช่าหลังนี้ แล้วไปเช่าห้องอยู่ในเมือง รายได้ก็ไม่พออีก... อุตส่าห์มีบ้านเป็นของตัวเองทั้งที แทนที่ชีวิตจะดีขึ้น กลับต้องไปติดแหง่กอยู่หลังเขาตั้ง 2 ปี
นานๆ จะมีโอกาสโผล่เข้าเมืองมาซักที เลยได้คุยกันเรื่องปัญหาหนักอกของนาง... ซึ่งจริงๆ แล้ว ทางออกของนางง่ายมากเลยนะ แค่ลดภาระต่อเดือนลง จากเดิมที่เคยจ่าย Principle & Interest (ทั้งต้น-ทั้งดอก) เหลือแค่ Interest Only (จ่ายดอกอย่างเดียว).. แค่นี้ค่าเช่าหลังหักค่าใช้จ่าย เติมอีกวีคละ $100 ก็พอส่งแบงค์แล้ว... ทีนี้นางจะไปเช่าอยู่ที่ไหนก็ไป ส่วนบ้านหลังนี้ก็เก็บไว้เป็นสมบัติในพอร์ทลงทุน !!! แค่นี้นางก็จะมีทั้งบ้าน มีทั้งคุณภาพชีวิต...
จริงๆ แล้ว เกิน 50% ของคนที่ซื้อบ้านก็ซื้อแบบนี้กันนะ คือ ซื้อในภาระที่ตัวเองพอจะรับได้ แล้วก็ไปเช่าอยู่ในที่ที่อยากอยู่จริงๆ... บางคนก็ต้องลดค่าใช้จ่ายตัวเอง ในตอนเริ่มต้น อยู่บ้านพ่อแม่ฟรีไปก่อน รอให้ราคาบ้านขึ้น เงินเก็บเยอะขึ้น แล้วค่อยขยับขยายซื้อบ้านสำหรับอยู่อาศัย... บางคนพอมีเงินอยู่บ้าง แต่ก็ไม่พอจะซื้อในเมือง ก็ใช้วิธีเช่าในเมือง แล้วก็ไปซื้อนอกเมืองถูกๆ ไว้ปล่อยเช่า แบบที่เพื่อนดิฉันทำนี่แหละ
ที่เล่ามานี่ไม่ได้จะโอ้อวดว่าตัวเองเก่งอะไรนะ แค่อยากจะบอกว่าปัญหาบางอย่าง สำหรับเจ้าตัวมันอาจจะดูยากเย็น หาทางออกไม่ได้.. การได้คุยกับคนเยอะๆ บางทีก็ทำให้เราเห็นอะไรมากขึ้น.. แต่การที่เราปรึกษาถูกคน อาจจะเป็นทางออกเดียวสำหรับปัญหานั้นก็ได้... ดิฉันเป็น Mortgage Broker ดิฉันก็มีความรู้เฉพาะทางในเรื่องสินเชื่อ เรื่องการ structure loan ให้เหมาะกับแต่สถานการณ์ ของแต่ละคน... แต่ก็ไม่ได้รอบรู้ครอบจักรวาลไปหมด ถ้าปัญหามันเกี่ยวข้องกับภาษี เกี่ยวกับขั้นตอนทางกฏหมาย หรือความรู้ในการเลือกบ้าน อย่างนี้ดิฉันก็แนะนำไม่ได้เหมือนกัน มากที่สุดก็แนะนำ นักบัญชี ทนาย หรือ real estate agent ให้แล้วก็ต้องไปปรึกษาต่อกันเอง
สุดท้ายนี้.. ขอฝากไว้อีกครั้ง ใครที่ต้องการคำแนะนำเรื่องสินเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเพื่ออยู่อาศัย หรือการลงทุน.. หรือใครมีภาระอยู่แล้วรู้สึกว่าหนักเกินไป หรือมันไม่ใช่อ่ะ ลองโทรมาคุยกันดูนะคะ เผื่อดิฉันจะพอช่วยอะไรได้บ้าง...
ปรึกษาฟรี บริการฟรี ไม่มีข้อผูกมัดใดๆ ทั้งสิ้นค่ะ
0467 662 431 (ตุล) 0421 809 669 (เอ)