2024-11-22

Office Syndrome โรคร้ายของคนทำงานออฟฟิศ




โรคออฟฟิศซินโดรม  (Office Syndrome)

 

โรคออฟฟิศซินโดรม คือภาวะที่มักเกิดขึ้นกับคนทำงานตามออฟฟิศ หรือแม้แต่คนที่ทำงานอยู่กับบ้านก็ตาม โดยเกิดจากการทำงานหรือใช้ชีวิต นั่ง เดิน เคลื่อนไหวร่างกายในท่าทางอิริยาบถที่ไม่ถูกลักษณะผิดท่า ที่เหมาะที่ควรบ่อยครั้ง เป็นเวลานานๆ โดยอยู่ในท่าเดิมหลายชั่วโมง ซึ่งท่าทางลักษณะเหล่านี้จะทำให้มีอาการปวดเมื่อยล้าตรงกล้ามเนื้อ จะรู้สึกเกร็งเหมือนเนื้อถูกดึงรั้ง ที่น่ากลัวคือนานวันเข้าจากอาการแค่ปวดกล้ามเนื้อ อาจกลายเป็นกล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรัง ปวดเจ็บตามอวัยวะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแขน ขา ข้อมือ ไหล่ หลัง ซึ่งปวดมากหรือปวดน้อยก็แล้วแต่การสะสมโรค ขณะบางรายอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่นสายตาพร่ามัว ตาแห้ง ระคายเคือง ปวดศรีษะ ปวดไมเกรน หรือบางรายมีอาการรุนแรงมากๆ ก็อาจทำให้มีอาการหมอนรองกระดูกเคลื่อน หรือ เกิดกระดูกทับเส้นประสาทได้

 

 

 

 

อาการออฟฟิศซินโดรมที่พึงระวัง

 

1. อาการปวดตึงที่คอ บ่า และ ไหล่

หนุ่มสาวออฟฟิศที่ต้องนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ มักมีอาการปวดตึง บริเวณคอ บ่า และไหล่ บางรายอาจมีอาการปวดเกร็งจนอาจหันคอ ก้ม หรือ เงยไม่ได้ก็มี...ที่อาการเบาหน่อยก็อาจจะแค่ปวดคอ บ่า ไหล่ และบริเวณสะบักหลัง หากคุณมีอาการใดอาการหนึ่งเหล่านี้  ควรบำบัดด้วยการไปนวดคลายกล้ามเนื้อด่วนเลย อย่าปล่อยทิ้งไว้นานๆ เพราะหากอาการหนักขึ้นจะบำบัดรักษายากขึ้นตามไปด้วย

 

2. อาการยกแขนไม่ขึ้น

อาการนี้เเกี่ยวเนื่องมาจากข้อแรก ซึ่งจะมีอาการปวดตึงกล้ามเนื้อตั้งแต่คอ บ่า ไหล่ และร้าวลงไปที่แขน จนเป็นเหตุให้ยกแขนไม่ขึ้น เนื่องจากว่ามีพังผืดมาเกาะที่บริเวสะบักและหัวไหล่นั้นเอง และบางรายอาจมีอาการชาไปที่มือหรือนิ้วมือด้วย...ใครที่มีอาการแบบนี้ควรบำบัดด้วยการไปให้แพทย์แผนไทยกดจุดเพื่อทำการสลายพังผืด หรือประคบร้อนให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงส่วนที่เป็นพังผืดแข็งตึงให้อ่อนตัวและคลายความปวดลง อาการก็คงจะดีขึ้น

 

3. อาการปวดหลัง

เป็นอีกหนึ่งอาการยอดฮิตของออฟฟิศซินโดรมเลยล่ะ เกิดจากการที่เรานั่งทำงานติดต่อกันนานๆ หรืองานที่ต้องยืนนานๆ โดยเฉพาะคุณสาวๆที่ต้องใส่ส้นสูงตลอดทั้งวันด้วยแล้ว ยิ่งเกิดอาการปวดหัลงได้ง่าย การยกของหนักเป็นประจำหรือการออกกำลังกายด้วยแล้ว ยิ่งเกิดอาการปวดหลังได้ง่าย การยกของหนักเป็นประจำหรือการออกกำลังกายหักโหมเกินไปก็เป็นสาเหตุให้ปวดหลังได้เช่นกัน โดยอาจเกิดอาการเคล็ด ขัด ยอก หรือปวด ตึง กล้ามเนื้อบริเวณหลัง จนบางรายอาจไม่สามารถเอี้ยวหรือบิดตัวได้ แนะนำให้รีบปรึกษาแพทย์ เพื่อบำบัดแก้ไขอาการเหล่านี้ให้หมดไป

 

4. อาการปวดขาและตึงที่ขา

เกิดจากการนั่ง เดิน หรือ ยืนนานๆจนทำให้ปวดตึงกล้ามเนื้อแบะเส้นเอ็นทั่วทั้งขา บางรายปวดร้าวไปที่เข่าและข้อเท้าก็มี ซึ่งอาการเหล่านี้เกิดจากการใช้งานขาหนักทุกวันจนเกิดอาหารล้าสะสม ซึ่งถ้าปล่อยไว้นานๆ โดยไม่ได้รับการบำบัดแก้ไข อาจทำให้เกิดอาหารปวดร้าวและอาการชาลงไปบริเวณเท้าและปลายนิ้วเท้าได้ ทางที่ดีแม้มีอาการเพียงเล็กน้อยก็ควรรีบทำการบำบัดโดยด่วน!

 

5. อาการปวดศรีษะ

ในแต่ละวันคนทำงานออฟฟิศส่วนใหญ่จะเกิดความเครียดสะสมโดยไม่รู้ตัวขนทำให้เกิดอาการปวดศรีษะได้ บางรายอาจเกิดจากการทำงานหนักเกินไป หรือต้องเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ตลอดเวลา เมื่อเกิดอาการปวดศรีษะขึ้นมา คนส่วนใหญ่จพแก้ไขด้วยารกินยาแก้ปวด บางรายอาจกินติดต่อกันเป็นเวลานาน ซึ่งอาการปวดศรีษะก็จะหายไปชั่วคราว แต่อาจกลับมาทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก ดังนั้น หากคุณมีอาการปวดศรีษะบ่อยๆ แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจเช็คและหาสาเหตุที่แท้จริงว่าเกิดขึ้นจากอะไร และรีบรักษาให้หายเสียแต่เนิ่นๆ แล้วคุณจะมีความสุขกับชีวิตมากขึ้น

 

 

 

 

โรคออฟิศซินโดรม รักษาได้

 

การรักษาสามารถแบ่งได้เป็น 2 แนวทาง คือรักษาที่สาเหตุ โดยการพบแพทย์ตรวจวินิจฉัยและสามารถรักษาแก้ไข และอีกแนวทางคือการรักษาเพื่อบรรเทาอาการ เช่นการรับประทานยา การฉีดยา และการนวดบำบัดหรืออาจมีการทำกายภาพบำบัดร่วมด้วย

อย่างไรก็ตาม ถ้าหากไม่อยากให้โรคออฟฟิศซินโดรมส่งผลรุนแรง จนถึงต้องถึงมือคุณหมอ คุณควรทำงานในอิริยาบถที่ถูกต้อง โดยเฉพาะเวลานั่ง ควรให้หลังชิดติดพนักและอย่าให้หลังงอคอตกเป็นอันขาดรวมถึงการใช้งานข้อมือในการขยับเม้าท์ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังควรพักสายตาและปรับเปลี่ยนไปทำกิจกรรมอื่นๆ บ้างเพื่อให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายและรู้สึกไม่เครียดจนเกินไป เช่นเดินไปดื่นน้ำทุกๆครึ่งชั่วโมงเป็นต้น.

 

 

 

Source: VR Thai Magazine โดยคุณสมสกุล ป้อมมงกุฎ

(นายกสมาคมไทยสปาและนวดแผนไทยแห่งออสเตรเลีย, ผู้อำนวยการหลักสูตรการนวดเพื่อบำบัดรักษา โรงเรียน NSW Business College)

Natui Website 2016-11-16 16:10:03 17217