ลองจินตนาการกันดูว่าถ้าโลกเราเต็มไปด้วยหุ่นยนต์ที่คอยบอกการใช้ชีวิตประจำวันของเราทุกๆวัน ตั้งแต่การไปทำงาน การเดินทาง ทุกๆการตัดสินใจจะต้องผ่านหุ่นยนต์ เราไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจเองได้อีกต่อไป
นื่คืออนาคตในปี 2050 ที่ผู้นำนักวิทยาศาสตร์สาขาการประดิษฐ์ชาวออสซี่ ศาสตราจารย์ Toby Wash ทำนาย
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ ทุกอย่างที่เราจะทำในชีวิตจะต้องผ่านหุ่นยนต์ โดยหุ่นยนต์จะเป็นผู้ตัดสินให้เราว่าควรหรือไม่ควร เราไม่มีอำนาจในการต่อรองกับหุ่นยนต์เลยด้วยซ้ำ
“ในปี 2050 มนุษย์จะมองย้อนหลังมาในปี 2000 และรู้สึกว่าโลกเราช่างล้าสมัยเหลือเกิน เหมือนกับถ้าคนในยุค 1950 มองย้อนไปในปี 1900 ที่ใช้ม้าลากในการเดินทาง”
“แค่เครื่องจักรกลทำงานได้ดีกว่ามนุษย์ก็มากพอแล้ว เราไม่ควรปล่อยให้การตัดสินใจบางอย่างขึ้นอยู่กับเครื่องจักร”
ศาตราจารย์แชร์คำทำนายของเขา 10 อย่าง ในปี 2050 ดังต่อไปนี้
1. มนุษย์ไม่ต้องบังคับพวงมาลัยรถอีกต่อไป
มนุษย์ได้ชื่อว่ามีความมักง่ายในการพาตัวเองไปยังจุดหมายให้ปลอดภัย เดี๋ยวก็เมาบ้าง เหนื่อยบ้าง ไม่มีสมาธิในการขับบ้าง เป็นผลให้ ร้อยละ 95 ของอุบัติเหตุทางรถยนต์มาจากความสะเพร่าของตนเอง รถยนต์อัตโนมัติจะกำจัดปัญหาและความเสี่ยงเหล่านี้ออกทั้งหมด การจราจรจะติดขัดน้อยลงเพราะคนจะเลิกซื้อรถและละทิ้งทักษะการขับรถไปเลย
2. หมอมาเยี่ยมทุกวัน
ตอนนี้เราก็อยู่ในยุคที่เริ่มดูแลสุขภาพด้วยตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่ช่วยในการตรวจสภาวะร่างกาย แต่ในปี 2050 ทุกคนจะมีหมอประจำตัวมาตรวจเยี่ยมทุกวัน หมอจะมีข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับสุขภาพและร่างกายคนนั้นๆ ตั้งแต่ความดันเลือด ระดับน้ำตาล จนไปถึงอัตราความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งในผิวหนังและการติดเชื้อในตา
3. ดาราคนโปรดที่เสียชีวิตไปแล้ว จะปรากฏตัวในหนังฟอร์มยักษ์เรื่องต่อไป
การสร้างหุ่นจำลองจะล้ำหน้าไปถึงขั้นที่เราสามารถสร้างหุ่นจำลองผู้คนที่เคยมีชื่อเสียงในอดีต ไม่ว่าจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ตาม ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ซึ่งเรื่องนี้คาดว่าที่จะสร้างปัญหาให้กับสังคมในขณะนั้น เพราะเป็นการสร้างภาพจำลองที่เหมือนจริงมากจนอาจจะทำให้หลายๆคนแยกไม่ออกระหว่าง ภาพจำลองกับความจริง และอาจจะจมปลักอยู่กับชีวิตในภาพจำลองเลยก็เป็นได้
“เรื่องนี้จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ในสังคมแน่ๆ และจะต้องมีการออกกฏบังคับให้การกระทำบางอย่างในชีวิตจริงไม่สามารถสร้างหรือทำได้ในสภาวะจำลอง” ศาสตราจารย์กล่าว
4. คอมพิวเตอร์จะเป็นนายจ้างเราและ...ไล่เราออกได้เช่นกัน
นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะคอมพิวเตอร์จะสามารถตรวจสอบประสิทธิภาพในการทำงานของเรา การอนุมัติการไปพักผ่อนประจำปีและกำหนดตารางการทำงานให้กับเรา
5. ห้องนอนสามารถโต้ตอบกับเราได้
ห้องนอนที่เมื่อเราปรบมือแล้วไฟดับนั่นนะ ลืมไปได้เลย เพราะห้องนอนในอนาคตจะสามารถโต้ตอบกับเราได้ทุกอย่าง เช่น ใครชนะฟุตบอลคืนนี้ แต่เทคโนโลยีนี้จะนำมาซึ่งการสูญเสียความเป็นส่วนตัว ความหลากหลายและแม้แต่อำนาจประชาธิปไตย
“หน่วยงานรัฐบาลทั้งหลายรอแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว ที่จะสามารถดักฟังเสียงทุกๆห้อง รวมไปถึงนักการตลาดเช่นกัน พวกเขาคงอยากจะได้ข้อมูลการใช้ชีวิตประจำวันของเราทั้งหมด”
6. หุ่นยนต์ปล้นธนาคาร
การก่อการร้ายในโลกไซเบอร์จะมากขึ้นเรื่อยๆ และจะมีความล้ำลึกในการวางแผนขึ้นไปอีกหลายเท่า
7. ทีมนักกีฬาหุ่นยนต์จะมาแทนที่ทีมนักกีฬามนุษย์
หุ่นยนต์จะมีทักษะที่เหนือกว่ามนุษย์ในทุกๆด้าน นั่นแปลว่าทีมโปรดของเราคงจะไม่มีโอกาสชนะเลย และการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศน่าจะเป็นการแข่งขันระหว่างหุ่นยนต์สองทีม
8. นักบินไม่ต้องขับเครื่องบินอีกต่อไป
“เครื่องบินขนส่งมนุษย์อาจจะต้องใช้นักบินอยู่ แต่ถ้าเริ่มมีการใช้เครื่องบินขนส่งโดยไม่มีนักบินเป็นเวลานานหลายสิบปีไปแล้ว ก็จะเริ่มมีการหารือกันว่าควรจะมีนักบินสำหรับสายการบินพาณิชย์ต่อไปหรือไม่”
9. ผู้สื่อข่าวทางโทรทัศน์จะตกงาน
ระบบ AI สามารถสรุปช่าวเป็นประโยคสั้นๆได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นข่าวการเงินหรือข่าวกีฬา แต่ในอนาคตจะมีการพัฒนาให้ระบบสามารถสร้างประโยคที่ยาวและมีความซับซ้อนมากขึ้น โดยจะมี chatbots และหุ่นจำลองเป็นผู้นำเสนอข่าว
10. มนุษย์ที่เสียชีวิตไปแล้วจะเสมือนยังมีชีวิตอยู่
แม้แต่ในโลกปัจจุบันก็ยังมีสิ่งเหล่านี้ให้เห็นอยู่บ้าง บางคนเมื่อเสียชีวิตแล้ว จะมีตัว chatbot ที่เลียนแบบสไตล์การพูด วิธีการคิดของคนๆนั้น และสนทนากับคนในครอบครับเหมือนกับตอนที่ยังมีชีวิตอยู่
คำถามจากศาสตราจารย์คือ “เราควรจะทำยังไงถ้าหากว่ามี AI bot ที่ทำตัวเหมือนเป็นเรา” “เรามีสิทธิ์ที่รู้ไหมว่าเรากำลังคุยอยู่กับคนหรือคอมพิวเตอร์? ควรห้ามการใช้ AI bot ในทางการเมืองหรือไม่? ใครเป็นเปิด ปิดสวิทซ์หลังจากที่เราเสียชีวิตไปแล้ว? Bots มีเสรีภาพในการพูดหรือไม่? อนาคตนี้น่าจะเป็นอนาคตที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว” ศาสตราจารย์ทิ้งทาย
ที่มา https://tenplay.com.au/news/national/august-2017/Scientist-shares-scary-predictions-for-life-by-2050