นสพ.the Telegraph ฉบับวันที่ 23 ก.ค. 2015 ด้านบนเสนอข่าวนาย Mike Baird นายกรัฐมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์แจ้งความเอาผิดตัวเองต่อความผิดกฎจราจร
ในกรณีที่ตำรวจทางหลวงพบผู้กระทำผิดกฎจราจร หากผู้ขับรถกระทำผิดไม่ร้ายแรงนัก ตำรวจสามารถใช้ดุลพินิจว่ากล่าวตักเตือนแทนการออกหมายปรับ แต่ถ้าหากพบผู้กระทำผิดเป็นบุคคลระดับสูง ตำรวจชั้นผู้น้อยมักจะออกใบสั่งปรับเพื่อเป็นเกียรติประวัติการงานแก่ตนเอง แต่กรณีของนาย Mike Baird นายกรัฐมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ถูกตำรวจใจดีว่ากล่าวตักเตือน จนเขานึกละอายต้องโทรถึงสถานีตำรวจแจ้งความผิดของตนเอง
เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่เรื่องเพิ่งทราบถึงหูผู้สื่อข่าวเมื่อวานนี้ที่ 22 กรกฎาคม เรื่องจึงถูกขยายออกมาในวันเกิดเหตุนาย Baird ได้พา Kerrny ภรรยาไปจิบกาแฟที่ร้านคาเฟ่ของสโมสร South Curl Curl Surf Club ที่ Northen Beaches ของวันจันทร์ที่ 8 มิถุนายนซึ่งเป็นวันหยุดเฉลิมพระชนมพรรษของสมเด็จพระราชินีฯ
ขณะขึ้นรถโตโยต้า คลูเกอร์สีเทาของเขาเพื่อกลับบ้าน นาย Baird ได้ถูกตำรวจทางหลวงจับได้ว่าเขาออกรถด้วยการเลี้ยวรถกลับในขณะที่ยังดึงสายเข็มขัดนิรภัยเข้าที่ จึงถูกตำรวจมือใหม่เรียกให้จอดข้างทาง
นายตำรวจผู้ชั้นผู้น้อยเมื่อทราบว่าผู้กระทำผิดเป็นนายกฯรัฐน.ซ.ว.จึงเพียงว่ากล่าวตักเตือนโดยไม่ได้ออกใบสั่งปรับ ซึ่งนาย Baird ได้ขอให้เขาออกใบสั่งปรับ เพื่อจะไม่เป็นข้อครหาว่าเป็นเรื่องการเลือกปฏิบัติพิเศษต่อข้าราชการการเมืองชั้นผู้ใหญ่ แต่นายตำรวจผู้นั้นยังคงไม่ออกใบสั่งปรับให้กับเขา
หากนาย Baird ถูกสั่งปรับในข้อหาไม่คาดเข็มขัดนิรภัย เขาจะถูกปรับ 311 เหรียญ และถูกหักคะแนนสะสม 6 คะแนน เนื่องจากเป็นการกระทำผิดในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ระยะยาว (long weekend) ที่จะต้องถูกปรับเป็นสองเท่าตามมาตรการลดอุบัติเหตุบนท้องถนนในช่วงวันหยุดยาว
แต่เมื่อนาย Baird มาถึงบ้านเขายังคิดว่ามันไม่ถูกต้อง จึงโทรแจ้งไปยังสถานีตำรวจใกล้บ้าน (ในออสเตรเลียสามารถแจ้งความได้ทุกสถานี โดยไม่จำเป็นต้องไปแจ้งที่สถานีตำรวจเจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ)
ตำรวจได้ใช้เวลาอยู่หลายวันกว่าจะตามหานายตำรวจทางหลวงรายดังกล่าว จากนั้นจึงนำเทปบันทึกภาพถ่ายจากวิดีโอที่ติดตั้งอยู่กับตัวรถตำรวจ พบว่านาย Baird ได้กลับรถบนเส้นแบ่งถนนสีขาวสองเส้น (หมายถึงห้ามแซงหรือกลับรถเนื่องจากถนนช่วงนั้นมีความแคบ หรือเป็นทางโค้ง หรือเป็นเนิน) แต่ภาพบันทึกไม่พบช่วงใดที่แสดงให้เห็นนาย Baird ไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยในขณะขับรถ จึงยกประโยชน์ให้จำเลย
นาย Baird จึงถูกปรับจากความผิดกลับรถในที่ห้ามกลับ (บนถนนที่มีเส้นสีขาวคู่ขนานสองเส้น) และถูกตัดคะแนนสะสม 3 แต้ม โดยไม่ถูกตัดคะแนนสองเท่าหรือ 6 แต้ม ซึ่งนำมาใช้เฉพาะกับความผิดขับรถเร็วและไม่คาดสายรัดนิรภัยในช่วงวันยุดสุดสัปดาห์ระยะยาวเท่านั้น โฆษกสำนักงานตำรวจรัฐน.ซ.ว.กล่าวว่าตำรวจทางหลวงมีสิทธิ์ที่จะว่ากล่าวตักเตือนนายกรัฐมนตรีรัฐน.ซ.ว.แทนการออกใบสั่งปรับได้ถ้าเห็นสมควร
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรทุกคนได้รับมอบอำนาจในการใช้ดุลพินิจ (discretion) ในการว่ากล่าวตักเตือน หากพบว่าเป็นการกระทำผิดครั้งแรก (รถตำรวจมีคอมพิวเตอร์ที่สามารถตรวจเช็คประวัติผู้กระทำผิดได้) เป็นความผิดไม่ร้ายแรง บนพื้นฐานของความเหมาะสม, ความสมเหตุสมผล และขึ้นอยู่กับสถานการณ์
นาย Bob Hawke อดีตนายกรัฐมนตรี (ดำรงตำแหน่ง 1983-1991) (ภาพชั่วคราวจาก the Australian)
ท่าที่จิงโจ้นิวส์จำได้ว่าเคยรายงานในหนังสือพิมพ์ไทย-ออสนิวส์ถึงข่าว การกระทำผิดกฎจราจรของบุคคลสำคัญคือ นาย Bob Hawke สมัยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้อยู่ในรถยนต์ขณะที่ผู้สื่อข่าวกรูเข้า สัมภาษณ์ เขาจึงถอดสายนิรภัยออก เพื่อจะได้ถามตอบกันอย่างมองเห็นหน้ากัน แต่เมื่อรถเคลื่อนที่ออกไป นายกฯ Hawke เกิดเผลอลืมคาดเข็มขัดนิรภัยตามเดิม
ผู้นำการเมืองอีกคนที่ถูกจับได้คือนาย Bob Carr ในขณะเป็นนายกรัฐมนตรีรัฐน.ซ.ว. (ในระหว่างปี 1995 ถึง 2005) เขาได้ข้ามถนนตรงบริเวณที่ไม่ใช่ทางม้าลาย
นอกจากนั้นยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้น้อยคนหนึ่งจับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ (จำชื่อไม่ได้) ที่เป็นเจ้านายสายตรงของเขาเอง แม้นายตำรวจคนนั้นแจ้งเหตุผลให้ทราบว่าต้องรีบไปให้ทันนัดหมายกับนาย Peter Ryan อธิบดีตำรวจรัฐน.ซ.ว. (ผู้ว่าการตำรวจรัฐน.ซ.ว.) ในขณะนั้น (นาย Ryan เป็นอธิบดีตำรวจนำเข้าจากสก๊อตแลนด์ยาร์ด เข้ามาดำรงตำแหน่งอธิบดีตำรวจในระหว่างปี 1996 ถึง 2002) เขาถูกยึดใบขับขี่ทำให้นายตำรวจผู้นั้นไม่สามารถขับรถไปพบนายตามนัดหมาย แล้วต่อมายังต้องขึ้นศาลถูดดำเนินคดี ถูกปรับและถูกพักใบอนุญาตขับรถยนต์นานนับปี ในขณะที่นายตำรวจชั้นผู้น้อยได้เป็นฮีโร่โชว์ผลงานการปฏิบัติหน้าที่อย่างดีเยี่ยม
ที่มา : jingjonews@hotmail.com