หลังจากเครื่องบินโดยสารของสายการบินแอลจีเรีย เที่ยวบิน AH5017 ของปรเทศแอลจีเรีย หายไปจากจอเรดาร์ ขณะทำการบินอยู่เหนือน่านฟ้าประเทศมาลี ไม่ไกลจากพรมแดนแอลจีเรีย หลังทะยานขึ้นจากสนามบินกรุงวากาดูกู ของประเทศบูร์กินา ฟาโซ ในแถบแอฟริกาตะวันตก เพื่อไปยังกรุงแอลเจียร์ส ประเทศแอลจีเรีย โดยเครื่องบินลำนี้ เป็นรุ่น แม็คดอนเนล ดักลาส เอ็มดี 83 มีผู้โดยสารบนเครื่องหลากหลายเชื้อชาติ ประมาณ 110 คนในจำนวนนี้ มีผู้โดยสารชาวฝรั่งเศสประมาณ 50 คน และลูกเรือ 6 คนเป็นชาวสเปน ล่าสุดมีรายงานว่าพบเครื่องบินลำดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้ รายงานแจ้งว่า เครื่องบินของสายการบินแอลจีเรีย ได้ประสบอุบัติเหตุตกในแม่น้ำเนเจอร์ อยู่ทางตอนใต้ของประเทศไนจีเรีย แต่ยังไม่ทราบชะตากรรมผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมด อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กำลังเร่งตรววจสอบ และมีรายงานว่าก่อนเกิดเหตุ ลูกเรือบนเครื่องได้ร้องขอ ให้เบี่ยงหรือเปลี่ยนเส้นทางบิน เนื่องจากทัศนวิสัยไม่ดี เพื่อป้องกันภาวะเสี่ยงพุ่งชนเครื่องบินลำอื่น ที่บินในเส้นทางแอลเจียร์ส-บามาโก กับศูนย์ควบคุมการบิน จากนั้นเครื่องบินลำนี้ ก็ได้ขาดการติดต่อไปช่วงหลังการเปลี่ยนเส้นทางบิน
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าท่ีระดับสูงของฝรั่งเศส เผยว่า เครื่องบินน่าจะตกเพราะสภาพอากาศเลวร้าย เนื่องจากขณะนั้นมีฝนตกหนัก ไม่ใช่ถูกกองกำลังที่สู้รบกันอยู่ทางภาคเหนือมาลียิงตก เพราะทั้งกลุ่มกบฏชาวเผ่าทูเร็กและกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงที่มีสายสัมพันธ์กับเครือข่ายอัล เคดา ที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว มีเพียงจรวดแบบยิงประทับบ่า ไม่มีจรวดหรือขีปนาวุธพิสัยไกลพอที่จะยิงเครื่องบินโดยสารซึ่งบินในระยะสูงขนาดนี้ได้
สำหรับเครื่องบินลำนี้ สายการบินแอร์ อัลจีเรียได้เช่าต่อมาจากบริษัทการบินเอกชนของสเปน ชื่อ “สวิฟต์แอร์” ซึ่งได้แถลงในเว็บไซต์ระบุว่า ขาดการติดต่อกับเครื่องบินโดยสาร ที่บินในเส้นทางบินเดียวกัน และมีคนบนเครื่องรวม 116 คน และก่อนหน้านี้ แอลจีเรียก็เกิดอุบัติเหตุทางอากาศครั้งเลวร้ายสุด เมื่อเดือน ก.พ.ปีนี้ เมื่อเครื่องบินลำเลียงพลของกองทัพ รุ่นซี-130 พร้อมคนบนเครื่อง 78 คน ตกในเขตหุบเขาทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากสภาพอากาศเลวร้าย ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 77 คน และมีผู้รอดชีวิตอย่างปาฎิหาริย์ 1 คน
อย่างไรก็ตาม เหตุโศกนาฎกรรมทางอากาศ เกิดขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 มี.ค. ที่สายการบินมาเลย์เซียแอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH 370 ที่บรรทุกผู้โดยสารหลายร้อยคน ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย ขณะทำการบินบนน่านฟ้าจากกัวลาลัมเปอร์มุ่งหน้าไปจีน กระทั่งปัจจุบันยังไร้ร่องรอยแม้มีการค้นหากันอย่างเต็มที่ จนเมื่อวันที่ 18 ก.ค. ได้เกิดเหตุโศกนาฎกรรมกับสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์อีกครั้ง เมื่อสายการบินดังกล่าวถูกยิงตกในพื้นที่ยูเครน มีผู้โดยสารเสียชีวิตยกลำถึง 298 ศพ และก่อนเกิดเหตุเครื่องบินแอลจีเรียหายไป ก็ได้เกิดเหตุเครื่องบินของสายการบินในประเทศของไต้หวัน ตกกลางเมือง มีผู้โดยสารเสียชีวิต 48 ศพ บาดเจ็บ 10 คน เมื่อคืนวันที่ 23 ก.ค. กระทั่งถึงรายล่าสุดคือเครื่องบินของสายการบินแอลจีเรีย ที่ยังไม่ทราบชะตากรรมของผู้โดยสารบนเครื่องบิน