เกิดเป็นเรื่องราวขึ้นโรงขึ้นศาล เมื่อลูกค้าของร้านโชว์ห่วยแห่งหนึ่งพบรูปตัวเองถูกแปะไว้ที่หน้าร้านพร้อมกับคำว่า หัวขโมย ใน Mount Druitt ตั้งแต่เดือนกรกฏาคม 2016 ซึ่งรูปภาพดังกล่าวเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดจากโซนเครื่องสำอางค์
เธอได้ปฏิเสธว่าไม่เคยขโมยสินค้าแต่อย่างใดและเรียกร้องให้ทางร้านเอารูปเธอออกจนทำให้เรื่องราวใหญ่โตถึงขั้นต้องขึ้นศาลเพราะไม่มีใครยอมความ
จนเมื่อได้เห็นภาพวงจรปิดแสดงให้เห็นว่าเธอเลือกซื้อสินค้าในโซนเครื่องสำอางค์อยู่นานมากและเห็นว่าเธอหยิบสินค้าชิ้นเล็กๆชิ้นหนึ่งที่คาดว่าเป็น ลิปสติก และมือข้างหนึ่งของเธอก็อยู่ในกระเป๋าตลอดเวลาขณะที่ยืนเลือกอยู่
ผู้พิพากษากล่าวว่าท่าทีของเธอนั้นน่าสงสัยมากเพราะทำไมมือข้างหนึ่งถึงอยู่ในกระเป๋าตลอดเวลาอย่างนั้น
ทางเจ้าตัวให้การว่า เธออาศัยอยู่ในบริเวณนั้นและไปร้านนี้แทบจะทุกวัน ในวันที่ 1 กรกฏา 2016 เธอไปร้านนั้นกับลูกๆอีกสองคนและซื้อลูกอม $1.50 ไอศครีม 50 cent และลิปสติก $4 แต่พนักงานร้านให้การพร้อมหลักฐานว่าเธอไม่ได้ซื้อลิปสติกในวันนั้นถึงแม้ว่ายืนอยู่ตรงนั้นนานมาก
เธอปฏิเสธสุดตัวแต่เมื่อถูกถามคำถามเดียวกันแต่เป็นลายลักษณ์อักษรเธอกลับตอบว่าจำไม่ได้
ซึ่งเรื่องราวได้ทำให้เกิดความวุ่นวายในการสอบสวนมากเนื่องจากเธอฟ้องร้องคนที่เอารูปไปแปะไว้หน้าร้านซึ่งเป็นพ่อของเจ้าของร้านแต่เขาปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ
และผู้พิพากษาตัดสินให้เรื่องโปสเตอร์ตกไปเนื่องจากเธอให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับความจริง และทางทนายความของจำเลยกล่าวว่าทางร้านมีความระมัดระวังในการติดโปสเตอร์ การนับจำนวนสินค้า และเรื่องของการใช้กล้องวงจรปิดมาก ถึงแม้ว่าบางครั้งสิทธิส่วนบุคคลก็เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญด้วย แต่ในกรณีของร้านค้าพวกเขาก็ต้องทำเพื่อปกป้องธุรกิจ
ที่มา http://www.smh.com.au/small-business/sydney-woman-loses-defamation-lawsuit-over-shoplifting-poster-20171106-gzfl0e.html