องค์การสหประชาชาติได้จัดอันดับประเทศมีความสุขประจำปี 2016 หรือ The UN’s 2016 World Happiness Report โดยออสเตรเลียถูกจัดเป็นประเทศมีความสุขในอันดับที่ 9 ของโลก
ในการจัดปีนี้ประเทศเดนมาร์กถูกจัดเป็นสถานที่แห่งความสุขที่สุดบนโลกต่อการอยู่อาศัย ตามสวิตเซอร์แลนด์และไอซ์แลนด์ในอันดับที่สองและสาม สหประชาชาติได้ใช้ปัจจัย 6 ประการในการจัดอันดับประเทศแห่งความสุขคือ 1. ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ต่อประชากร, 2. การสนับสนุนทางสังคม, 3. อายุคาดเฉลี่ยของการมีสุขภาพดี, 4. เสรีภาพในการเลือกดำเนินชีวิต, 5. ความกรุณาหรือความเอื้อเฟื้อ และ 6. ความไว้วางใจหรือปลอดจากทุจริตคอรัปชั่นทั้งจากภาครัฐและธุรกิจ ทำการสำรวจประเทศสมาชิกทั้งสิ้น 157 ประเทศ
นรเวย์, ฟินแลนด์, แคนาดาและเนเธอร์แลนด์ถูกจัดให้เป็นประเทศที่มีความสุขสูงกว่าออสเตรเลียในอันดับสี่ถึงเจ็ด และยังมีอีกประเทศหนึ่งที่มีอันดับที่ดีกว่า 1 ตำแหน่งในอันดับที่แปดคือนิวซีแลนด์จนสื่อออสซี่บางฉบับทำวงเล็บไว้ข้างหลังพร้อมพิมพ์คำว่า “really?”
เมื่อลงไปดูในรายละเอียดแล้วทั้งสองประเทศใกล้เคียงกันในห้าปัจจัยแรก แต่พอถึงปัจจัยที่หกในด้านทุจริตคอรัปชั่นนิวซีแลนด์ทิ้งขาดออสเตรเลีย ซึ่งสาเหตุน่าจะมาจากปัญหาการคอรัปชั่นในหมู่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหภาพแรงงานที่กลายเป็นข่าวใหญ่โต จนต้องมีการตั้งคณะกรรมการไต่สวนแห่งชาติในชุด The Royal Commission into trade union governance and corruption (ในระหว่างวันที่14 ก.พ. 2014 – 28 ธ.ค. 2015) ที่ผลออกมามีนักการเมืองจากพรรคเลเบอร์ส่วนหนึ่งเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยนั่นเอง จึงทำให้นิวซีแลนด์นำออสเตรเลียไปอย่างหวุดหวิด 7,334 คะแนนต่อ 7,313 คะแนน มิฉะนั้นออสเตรเลียน่าจะอยู่ในอันดับที่ดีกว่านี้
นอกจากนั้นอันดับของประเทศสำคัญอื่น ๆ อย่างสหรัฐอเมริกาประเทศมหาอำนาจของโลกและกำลังจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่อยู่ในอันดับที่ 13
จีนประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก แต่ด้วยความเป็นประเทศที่มีคนรวยกว่า 500 ล้านคน ทำให้ความสุขของประเทศจีนปีนี้ก้าวกระโดดขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 83
อินเดียประเทศประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นประเทศที่มีความสุขในอันดับที่ 118
และประเทศไทยอันเป็นที่รักและหวงแหนของพวกเราอยู่ในอันดับที่ 33 ของโลก ประเทศไทยทำได้ดีมากในปัจจัยที่ 5 ความกรุณาและความเอื้อเฟื้อ ส่วนปัจจัยที่ 1 ถึง 4 อยู่ในระดับดี แต่ปัจจัยที่ 6 ด้านคอรัปชั่นดูด้วยสายตาได้คะแนนไม่ถึง 1ใน 10 เสียด้วยซ้ำ (หากประเทศไทยไม่มีการคอรัปชั่นก็มีสิทธิลุ้นอันดับท็อปเท็นประเทศที่มีความสุดที่สุดในโลกเหมือนกัน)
สำหรับประเทศอื่น ๆ คือ สวีเดนอันดับที่ 10, เยอรมันนีอันดับที่ 16, สิงคโปร์อันดับที่ 22, สหราชอาณาจักร 23, ฝรั่งเศส 32, ไต้หวัน 35, สเปน 37, มาเลเซีย 47, อิตาลี 50, ญี่ปุ่น 53, เกาหลีใต้ 58, ฮ่องกง 75, อินโดนีเซีย 79, ฟิลลิปปินส์ 82, เวียดนาม 96, กรีก 99, ลาว 102, และพม่า 119
ส่วนประเทศที่อยู่รั้งท้ายในจำนวน 157 ประเทศคือบุรุนดีประเทศเล็ก ๆ ในทวีปแอฟริกา ตามด้วย (156) ซีเรียประเทศที่กลุ่มก่อการร้ายรัฐอิสลามพยายามจะยึดครอง, (155) โตโกในทวีปอาฟริกา, (154) อัฟกานิสถานในเอเชีย และ(153) เบนินเพื่อนบ้านของประเทศโตโกในแอฟริกาตะวันตก
ในปีที่ผ่านมาประเทศที่มีอันดับความสุขหล่นหายมากที่สุดคือประเทศกรีก ซึ่งได้รับผลกระทบจากวิกฤติการณ์การเงินโลก แม้ปัจจุบันอาการยังไม่ดีขึ้นจากสภาพประเทศใกล้ล้มละลาย
ส่วนประเทศที่อันดับดีขึ้นอย่างพรวดพราดในช่วงปีที่ผ่านมาคือประเทศไทยกับประเทศจีน รายหลังนั้นมาจากสาเหตุของประเทศมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว, ประชากรมีความกินดีอยู่ดีขึ้นและมีเสรีภาพในการทำกินเพิ่มขึ้น ส่วนรายแรกรายงานไม่ได้ระบุไว้ จึงต้องยกให้เป็นผลงานร่วมกันของคนไทยและรัฐบาลไทยไว้ก่อนครับ
ที่มา : jingjonews