รัฐบาลออสเตรเลียสั่งเรียกตัวเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำอินโดนีเซียกลับประเทศเมื่อวันพุธ 29 เม.ย. ภายหลังอินโดนีเซียยิงเป้าประหารชีวิตนักโทษคดีลักลอบค้ายาเสพติดชาวออสเตรเลีย 2 คน คือนายแอนดรูว์ ชาน กับนายมยุรัน สุกุมารัน พร้อมกับนักโทษประหารต่างชาติอีก 5 คน เป็นชาวไนจีเรีย 4 คน บราซิล 1 คน กับนักโทษประหารชาวอินโดนีเซียอีก 1 คน รวม 8 ชีวิต ที่เรือนจำบนเกาะนูซาคัมบันกัน จังหวัดชวากลาง เมื่อหลังเที่ยงคืนวันที่ 28 เม.ย. ส่วนนักโทษประหารสตรีชาวฟิลิปปินส์อีก 1 คน คือนางแมรี เจน เฟียสตา เวโรโซ ได้รับคำสั่งระงับโทษประหารในช่วงนาทีสุดท้ายภายหลังรัฐบาลฟิลิปปินส์ยื่นอุทธรณ์ถึงอินโดนีเซีย อ้างว่าเธอตกเป็นเหยื่อถูกยัดยาเสพติดในกระเป๋าเดินทางเข้าอินโดนีเซีย
นายกรัฐมนตรีโทนี แอบบอตต์ แห่งออสเตรเลีย แถลงระบุโทษประหารชีวิตนายชานกับนายสุขุมารันโหดร้ายและไม่จำเป็นต้องดำเนินการแบบนั้น อย่างไรก็ตาม รัฐบาลออสเตรเลียเคารพในอธิปไตยของอินโดนีเซีย แต่ก็มีเหตุผลที่ต้องถอนเอกอัครราชทูตออสเตรเลียกลับประเทศ
ทั้งนี้ รัฐบาลอินโดนีเซียสั่งประหารชีวิตนักโทษพัวพันคดียาเสพติดทั้งหมด 10 คน จนถูกต่อต้านและกดดันอย่างหนักจากรัฐบาลประเทศที่นักโทษถือครองสัญชาติ รวมถึงสหประชาชาติที่มองว่าโทษประหารรุนแรงเกินไป โดยแนะนำอินโดนีเซียควรส่งตัวนักโทษกลับไปดำเนินคดีในประเทศมาตุภูมิ แต่รัฐบาลอินโดนีเซียปฏิเสธด้วยข้ออ้างต้องการทำสงครามกวาดล้างยาเสพติด จนในที่สุดนักโทษชาวต่างชาติ 7 คน กับนักโทษชาวอินโดนีเซียอีก 1 คน ก็ถูกนำตัวเข้าลานประหารยิงเป้า
ด้านรัฐบาลบราซิลออกแถลงการณ์แสดงความผิดหวังอย่างมากที่อินโดนีเซียประหารชีวิตนายโรดริโก กูลาร์เต นักโทษชาวบราซิล ซึ่งถูกจับขนเฮโรอีนราว 6 กก. ทั้งระบุเรื่องนี้กระทบถึงความสัมพันธ์ระหว่างบราซิลกับอินโดนีเซีย ส่วนความผิดของนักโทษประหารรายอื่น โดยชาวออสเตรเลียทั้ง 2 คน ถูกจับเมื่อปี 2548 ข้อหาพยายามนำเข้าเฮโรอีนมากกว่า 8 กก. นักโทษประหารไนจีเรีย 4 คน ถูกจับพร้อมเฮโรอีนรายละ 50 กรัม ไปจนถึง 5 กก. ส่วนนักโทษประหารชาวอินโดนีเซียถูกจับกัญชาน้ำหนัก 59 กก.
เครดิตจาก สำนักข่าวไทยรัฐ