หลังเจมส์หนีออกมาจากเกาหลีเหนือ เขาก็ได้รู้จักกับ Google และ Facebook
“มันเจ๋งมากเลย ไม่ว่าจะพิมพ์อะไรไป ก็หาคำตอบได้ กิจกรรมยามว่างของผมคือการดูวีดีโอใน Youtube ไปเรื่อยๆ เพื่อสำรวจและมักจะมีอะไรใหม่ๆให้ผมต้องประหลาดใจว่า เฮ้ย มันคืออะไรเนี่ย”
“คนเกาหลีเหนือใช้คอมพิวเตอร์ได้ในห้องคอม แต่ไม่มีอินเตอร์เนตใช้”
เจมส์และชายเกาหลีเหนืออีก 4 คน เดินทางมาถึงซิดนีย์เมื่อเดือนที่แล้วเพื่อมาเรียนภาษาอังกฤษเป็นเวลา 30 สัปดาห์ ที่ University of Technology Sydney: INSEARCG Program
เขากำลังเรียนปริญญาตรีหลักสูตรวิศวกรรมเครื่องจักรในเกาหลีใต้ และมุ่งมั่นที่จะพัฒนาแหล่งพลังงานยั่งยืนหลังจบการศึกษา
นอกจากนี้เจมส์ยังมีเวลาค้นพบตัวเองมากขึ้นเพราะมีเวลาว่างในการค้นหากิจกรรมที่สนใจ
“ตอนอยู่เกาหลีเหนือ เราไม่เคยมีเวลาว่าง หลังเลิกเรียนก็ต้องไปทำงานให้รัฐบาลตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ขนทราย สร้างถนน สร้างตึก”
เจมส์กล่าวว่าถ้าเขายังอยู่ในเกาหลีเหนือป่านนี้กลายเป็นทหารไปแล้ว เช่นเดียวกันกับแอน หญิงสาววัย 25 อีกคนที่กล่าวว่าเธอก็คงมีชะตากรรมเช่นเดียวกัน
แอนกำลังจะจบการศึกษาหลักสูตรการค้าระหว่างประเทศและอยากที่จะทำงานให้กับ United Nations World Food Program เธอเติบโตมาในเมืองเล็กๆ และความทรงจำที่ดีๆของเธอในสมัยเด็กๆคือการได้รับอาหารและสิ่งของช่วยเหลือจาก UN
“ครอบครับของฉันลำบากมากและฉันต้องนั่งคิดทุกวันว่าแต่ละมื้อเราจะกินอะไร ตอนอายุ 9-10 –ขวบ UN แจกลูกอม คุ้กกี้ และปากกาสีเหลืองที่มียางลบตรงก้น ฉันยังจำรสชาติลูกอมและรูปร่างของดินสอนั้นได้อยู่เลย”
“ฉันอยากจะมีโอกาสเดินทางไปทั่วโลกเพื่อช่วยเหลือคนที่ลำบาก”
เธอไม่อยากจะเชื่อว่าตอนนี้ตัวเองมาอยู่ซิดนีย์
“ฉันรู้จักออสเตรเลียจากวิชาวิทยาศาสตร์ และได้เรียนรู้ว่าจิงโจ้อาศัยอยู่ที่นี่เท่านั้น บางครั้งฉันตื่นมายังหยิกตัวเองอยู่เลยเพื่อให้แน่ใจว่านี่เป็นความจริง”
นักเรียนทั้ง 5 คน ได้รับทุนการศึกษา เพื่อที่จะพัฒนาชีวิตและความเป็นอยู่ของชาวเกาหลีเหนือ
Bronwen Dalton ให้สัมภาษณ์ว่า “อัตราการว่างงานในเกาหลีเหนือที่อาศัยอยู่ในเกาหลีใต้สูงมาก เพราะพวกเขาไม่ได้เรียนรู้ทักษะที่จะสร้างความประสบความสำเร็จในยุคทุนนิยม ในเกาหลีใต้บริษัทคาดหวังให้คนพูดภาษาอังกฤษได้เพื่อที่จะร่วมเข้ากันประชาชาติ และเราอยากช่วยให้คนหนุ่มสาวเหล่านี้ได้มีโอกาสได้ทำงานดีๆ และสร้างความหวังให้กับคนอื่นๆด้วย”
“การที่ได้พบกับนักเรียนกลุ่มนี้เป็นเสมือนหน้าต่างที่เปิดให้เราได้เรียนเรื่องสิทธิมนุษยชน ที่อยู่เบื้องหลังของการเมืองทั้งหลายแหล่”
ที่มา http://www.smh.com.au/national/education/there-was-no-internet-north-korean-students-arrive-in-sydney-20170829-gy6gw2.html