ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังหนังสือพิมพ์ "ไทยเพรส" นำเสนอปัญหาเด็กนักเรียนไทยในซิดนีย์ ถูกบรรดานกต่อ และเอเจนท์นักเรียนเถื่อนตุ๋นเงินไปหลายแสนบาท หลอกลวงและฉ้อโกงสารพัดวิธี โดยส่วนใหญ่มักจะลงทะเบียนเรียนให้เด็กนักเรียนเพียงแค่ 3 เดือน ทั้งที่ในความเป็นจริงจะต้องลงทะเบียนให้ครบ 6 เดือนหรือมากกว่านั้น ตามที่เด็กได้จ่ายเงินไปแล้วเต็มจำนวน
ปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้เด็กนักเรียนเหล่านี้เกิดความเดือนร้อน ต้องเร่งหางานทำ หามรุ่งหามค่ำ เพื่อนำเงินมาจ่ายค่าเรียนเพิ่มเติม เพื่อไม่ให้ตัวเองถูกยกเลิกวีซ่าหรือถูกส่งตัวกลับประเทศไทย บางรายไปขอความช่วยเหลือจากผู้เกี่ยวข้อง หรือเอเจนท์กลับถูกปฏิเสธยกข้ออ้างต่างๆ นานา บางเอเจนท์อาศัยความเดือดร้อนของเด็กนักเรียนหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองเพิ่ม อ้างว่าหากจะให้ช่วยเหลือจะต้องจ่ายเงินค่าดำเนินการให้ด้วย กลายเป็นหนีเสือปะจระเข้ไปอีก
อย่างไรก็ตาม เอเจนท์ไร้จรรยาบรรณ รู้เห็นเป็นใจกับพวกฉ้อโกง มีเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ขณะที่เอเจนท์ดีๆ มีคุณธรรม และจรรยาบรรณในซิดนีย์ยยังมีอีกเป็นจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่ที่เด็กนักเรียนถูกหลอก มักจะมาจากพวกนกต่อที่แฝงตัวเป็นเอเจนท์ หลอกกินค่าหัวคิวอีกทอดหนึ่งมากกว่า ซึ่งบุคคลเหล่านี้ถือเป็นตัวอันตรายที่สุด เพราะจะปกปิดไม่ให้เด็กนักเรียนรับรู้ข้อมูลของเอเจนท์ที่แท้จริง ไม่ให้รู้ข้อมูลใดๆ ที่เกิดประโยชน์กับตัวเด็กนักเรียน และจะให้มีการจ่ายเงินกันก่อนที่เมืองไทย เพื่อไม่สามารถตามมาเอาผิด หรือดำเนินคดีกับพวกนกต่อในประเทศออสเตรเลียได้
[adsense]
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ปัญหาเด็กนักเรียนไทยถูกหลอก ถูกโกงเกิดขึ้นมานานและอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่มีใครออกมาแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง กระทั่งหนังสือพิมพ์ไทยเพรส ตีแผ่เรื่องราวที่เกิดขึ้น จนทำให้สื่อมวลชนในประเทศไทยนำเรื่องราวเหล่านี้ไปนำเสนอต่อ เพื่อให้คนไทยที่เตรียมตัวจะเดินทางมาเรียนต่อที่ประเทศออสเตรเลีย เกิดความระมัดระวังกันมากขึ้น จะได้ไม่ถูกหลอกเหมือนกับนักเรียนไทยหลายๆ คน อีกทั้งยังทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในซิดนีย์เกิดการตื่นตัว และตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้นอีกด้วย
ทั้งนี้ เมื่อวัน 25 ก.ค. สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์ จึงได้เรียกตัวแทนผู้ประกอบการเอเจนท์นักเรียนในซิดนีย์ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก เข้าร่วมหารือกันเป็นครั้งแรก เกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อหาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหา เพื่อไม่ให้นักเรียนไทยถูกหลอกลวง หรือถูกโก่งราคาจากเอเจนท์ หรือพวกนกต่ออีกทอดหนึ่ง ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ดี นักเรียนไทยในซิดนีย์ ต่างรู้สึกดีใจที่เอเจนท์นักเรียนตื่นตัว และพร้อมช่วยเหลือคนไทยด้วยกัน แต่ส่วนใหญ่ยังคงกังวลอยู่ว่า หากผู้ที่เกี่ยวข้องไม่มีการประชาสัมพันธ์ หรือเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างแท้จริง เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจใให้กับเด็กนักเรียน เหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวก็อาจจะเกิดขึ้นอีก และไม่เพียงแค่จะเกิดขึ้น แต่อาจจะเป็นการบอกให้ผู้ที่ทำความผิดรู้ตัว และหาวิธีโกงที่แยบยลกว่าเดิมเสียอีก จึงอยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง ออกมาให้ความรู้กับนักเรียนไทยในซิดนีย์ด้วย เหมือนตำรวจรัฐนิวเซาท์เวลส์ที่ออกมาให้ความรู้กับนักเรียนไทย ว่าควรอยู่อย่างไรให้ปลอดภัยในซิดนีย์ ทั้งที่เป็นตำรวจของประเทศออสเตรเลีย ก็ยังมีความคิดที่ดี มีจิตสำนึกที่อยากออกมาให้ความรู้ ให้สิ่งที่เป็นประโยชน์กับคนไทย