2024-11-23

ไทยเริ่มใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว





เป็นที่รู้กันแล้วว่า ขณะนี้เมืองไทยมีรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวใช้แล้ว วันนี้ลองมาดูว่า สาระสำคัญของ รธน.ฉบับชั่วคราวนี้เป็นอย่างไรกันบ้าง

สรุปสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗

๑.พระมหากษัตริย์
-บทบัญญัติของหมวด ๒ พระมหากษัตริย์ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ยังคงใช้บังคับอยู่ต่อไป
-ทรงใช้อำนาจอธิปไตยทางสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คณะรัฐมนตรี และศาล
-ทรงมีพระราชอำนาจในการแต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ
-ทรงมีพระราชอำนาจในการยับยั้งร่างกฎหมายและร่างรัฐธรรมนูญ
-ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการตราพระราชกำหนดและพระราชกฤษฎีกา พระราชทานอภัยโทษ ทำหนังสือสัญญากับนานาประเทศ และแต่งตั้งข้าราชการและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรตามรัฐธรรมนูญ
-ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการอื่นตามประเพณีการปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

๒.คณะองคมนตรี
-เป็นไปตามที่บัญญัติไว้ในหมวด ๒ พระมหากษัตริย์ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ซึ่งยังคงใช้บังคับอยู่ต่อไป

๓.สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)
-สมาชิกจำนวนไม่เกิน ๒๒๐ คน
-หัวหน้า คสช. คัดเลือกจากบุคคลภาคส่วนต่างๆ แล้วนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อทรงแต่งตั้ง
-สมาชิกต้องมีสัญชาติไทยโดยการเกิดและมีอายุไม่ต่ำกว่าสี่สิบปี รวมทั้งต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนด เช่น ต้องไม่ดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองภายในเวลาสามปีก่อนวันที่ได้รับการแต่งตั้ง
-จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี หรือสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติในขณะเดียวกันไม่ได้
-สมาชิก สนช. ไม่น้อยกว่า ๒๕ คน มีสิทธิเสนอร่างพระราชบัญญัติ

๔.คณะรัฐมนตรี
-ประกอบด้วยนายกรัฐมนตรีหนึ่งคน และรัฐมนตรีอื่นอีกจำนวนไม่เกิน ๓๕ คน
-พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีตามมติของ สนช. แต่งตั้งรัฐมนตรีตามคำแนะนำของนายกรัฐมนตรี
- คณะรัฐมนตรีต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ก่อนเข้ารับหน้าที่
-นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งตามมติของ สนช. ที่เสนอโดย คสช.
- นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต้องมีสัญชาติไทยโดยการเกิด มีอายุไม่ต่ำกว่าสี่สิบปี และสำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า รวมทั้งต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนด เช่น ต้องไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองหรือดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองภายในเวลาสามปีก่อนวันที่ได้รับการแต่งตั้ง
-นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต้องไม่เป็นสมาชิก สนช. สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ กรรมาธิการ
ยกร่างรัฐธรรมนูญ หรือสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น

๕.คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
-ประกอบด้วยบุคคลตามประกาศ คสช. ฉบับที่ ๖/๒๕๕๗
-ในกรณีจำเป็น สามารถเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมผู้ดำรงตำแหน่งใน คสช. ได้ แต่รวมกันแล้วต้องไม่เกิน ๑๕ คน และสามารถกำหนดให้หน่วยงานใดทำหน้าที่หน่วยธุรการของ คสช. ได้ตามที่เห็นสมควร
-สามารถแจ้งให้ ครม. ทราบ เพื่อดำเนินการใดๆ ที่เห็นสมควรได้
-ก่อนที่ ครม. จะเข้ารับหน้าที่ อำนาจของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีเป็นของหัวหน้า คสช.
-ในกรณีจำเป็น เช่น เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูป เพื่อความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคง หัวหน้า คสช. โดยความเห็นชอบของ คสช. มีอำนาจสั่งการ ระงับยับยั้ง หรือกระทำการใดๆ ได้ และให้ถือว่าการนั้นชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ และเป็นที่สุด แต่ให้รายงานให้ประธาน สนช. และนายกรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว

๖.สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)
-ประกอบด้วยสมาชิก จำนวนไม่เกิน ๒๕๐ คน ซึ่ง คสช. คัดเลือกจากรายชื่อที่คณะกรรมการ
สรรหาเสนอ โดยในจำนวนนี้ให้คัดเลือกจากบุคคลที่คณะกรรมการสรรหาประจำจังหวัดเสนอ จังหวัดละหนึ่งคน
-สมาชิกต้องมีสัญชาติไทยโดยการเกิดและมีอายุไม่ต่ำกว่าสามสิบห้าปี รวมทั้งต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนด เช่น ต้องไม่เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต
-ให้มีคณะกรรมการสรรหาบุคคลด้านต่าง ๆ ๑๑ คณะ และให้มีคณะกรรมการสรรหาประจำจังหวัด ๆ ละ ๑ คณะ เพื่อสรรหาจากบุคคลซึ่งมีภูมิลำเนาในจังหวัดนั้น ๆ
-รายละเอียดกระบวนการสรรหาและคัดเลือกเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกา
-อำนาจหน้าที่ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ
(๑)จัดทำแนวทางและข้อเสนอการปฏิรูปประเทศในด้านต่าง ๆ เพื่อเสนอ สนช. ครม. คสช. หรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง และถ้าเห็นว่าจำเป็นต้องตรากฎหมาย ก็เสนอร่างกฎหมายนั้นต่อ สนช. หรือ ครม. ได้ด้วย
(๒)เสนอความเห็นหรือข้อเสนอแนะต่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ
(๓)พิจารณาและให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ
จัดทำขึ้น
-ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการในรัฐธรรมนูญฉบับถาวร

๗.คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ
-ประกอบด้วยกรรมาธิการ จำนวน ๓๖ คน ดังนี้
(๑) ประธานกรรมาธิการตามที่ คสช. เสนอ
(๒) กรรมาธิการ จำนวน ๒๐ คน ตามที่สภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ
(๓) กรรมาธิการตามที่ สนช. ครม. และ คสช. เสนอฝ่ายละ ๕ คน
-ต้องไม่เป็นสมาชิกและไม่ดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองภายในเวลาสามปีก่อนวันที่ได้รับ
การแต่งตั้ง
-ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติต้องแต่งตั้งกรรมาธิการฯ ให้แล้วเสร็จภายใน ๑๕ วันนับแต่วันที่มีการเรียกประชุมสภาปฏิรูปฯ เป็นครั้งแรก
-ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองภายในสองปีนับแต่วันที่พ้นจากการเป็นกรรมาธิการยกร่างฯ
-ต้องจัดทำร่างรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายใน ๑๒๐ วัน ถ้าทำไม่เสร็จต้องพ้นจากตำแหน่งและ
จะกลับมาเป็นอีกไม่ได้

๘.กระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญ
-ให้สภาปฏิรูปฯ ส่งความเห็นหรือข้อเสนอแนะต่อคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ภายใน ๖๐ วัน
นับแต่วันที่มีการเรียกประชุมสภาปฏิรูปฯ เป็นครั้งแรก
-คณะกรรมาธิการยกร่างฯ ต้องจัดทำร่างรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายใน ๑๒๐ วันนับแต่วันที่ได้รับความเห็นหรือข้อเสนอแนะของสภาปฏิรูปฯ
-คณะกรรมาธิการยกร่างฯ ต้องส่งร่างรัฐธรรมนูญที่จัดทำเสร็จแล้วให้สภาปฏิรูปฯ ครม. และ คสช.
-สภาปฏิรูปฯ มีเวลาพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ ๑๐ วัน แล้วมีเวลายื่นคำขอแก้ไขเพิ่มเติมภายใน ๓๐ วัน ครม. หรือ คสช. ก็สามารถเสนอความเห็นหรือยื่นคำขอแก้ไขเพิ่มเติมได้ภายใน ๓๐ วัน
-คณะกรรมาธิการยกร่างฯ ต้องพิจารณาคำขอแก้ไขเพิ่มเติมให้แล้วเสร็จภายใน ๖๐ วัน
-สภาปฏิรูปฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับภายใน ๑๕ วัน
-กรณีเห็นชอบ ให้ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาตินำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย และเมื่อทรงลงพระปรมาภิไธยแล้ว ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและใช้บังคับได้
-รวมระยะเวลาทั้งสิ้น ประมาณ ๑๐ เดือน นับแต่วันที่สภาปฏิรูปฯ เริ่มประชุมครั้งแรก
-กรณีสภาปฏิรูปฯ ไม่เห็นชอบหรือพิจารณาไม่แล้วเสร็จตามเวลาที่กำหนด หรือพระมหากษัตริย์ไม่เห็นชอบด้วย ร่างรัฐธรรมนูญนั้นเป็นอันตกไป และต้องแต่งตั้งสภาปฏิรูปฯ และคณะกรรมาธิการฯ ชุดใหม่ขึ้นมาแทน โดยที่คนเดิมจะกลับมาเป็นอีกไม่ได้
-กรณีคณะกรรมาธิการฯ ยกร่างไม่แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนด ให้แต่งตั้งกรรมาธิการชุดใหม่ขึ้นมาแทนภายใน ๑๕ วัน โดยที่คนเดิมจะกลับมาเป็นอีกไม่ได้

๙.อื่นๆ
-ครม. และ คสช. สามารถร่วมกันเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) นี้ ต่อ สนช. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ โดยร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิก สนช. ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่
-ให้บรรดาประกาศและคำสั่ง คสช. ที่มีระหว่างวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ จนถึงวันที่ ครม. เข้ารับหน้าที่ รวมทั้งการกระทำตามประกาศและคำสั่งดังกล่าว ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ และเป็นที่สุด และให้บรรดาประกาศและคำสั่ง คสช. ที่ยังใช้บังคับอยู่มีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าจะมีการแก้ไขเพิ่มเติมหรือยกเลิก
-นิรโทษกรรมให้แก่บรรดาการกระทำทั้งหลายของหัวหน้าและ คสช. รวมทั้งบุคคลต่าง ๆ ซึ่งได้กระทำเนื่องในการยึดและควบคุมอำนาจการปกครองแผ่นดิน ไม่ว่าจะกระทำในวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ก่อนวันนั้น หรือหลังจากวันนั้น ให้ผู้กระทำพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง

คณะทำงานด้านกฎหมาย
ส่วนงานรักษาความสงบ
สำนักเลขาธิการ
คณะรักษาความสงบแห่งชาติ
(คกม.สรส.สลธ.คสช.)
๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗

Manager M 2014-07-23 12:15:08 3556